วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ASTON MARTIN V8 VANTAGE S

Pic_175233
แรงขึ้นอีก 10 แรงม้า แถมเกียร์แบบใหม่ Sportshift II 7 สปีด เปลี่ยนจังหวะอัตราทดไวขึ้น 20 % น้ำหนักตัวลดลง 28 กิโลกรัม นี่คือ Aston Martin ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่บริษัทผลิตรถยนต์ของอังกฤษแห่งนี้เริ่มก่อตั้ง...

รถ สปอร์ตจากเมืองผู้ดีอังกฤษ นอกเหนือไปจากค่ายรถที่รู้จักกันดีอย่าง Jaguar / Lotus / Morgan / McLarenฯ แล้ว ยังมีอีกหนึ่งบริษัทที่คงความเป็นเอกลักษณ์ บนผลิตภัณฑ์ยานยนต์แบบสปอร์ตคาร์คุณภาพสูง นั่นก็คือค่ายรถยนต์ Aston Martin จักรกลแบบสปอร์ตจีทีคู่ใจ Jame bond 007 สายลับมาดเนี้ยบของพวกผู้ดีอังกฤษ นี่คือค่ายรถยนต์เก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวเนื่องกับการแข่งขัน การผลิตรถสปอร์ตคุณภาพสูง และการเป็นแบรนด์ชั้นนำที่สามารถสื่อให้เห็นถึงพลังของเครื่องยนต์ประสานไป กับรูปลักษณ์อันสง่างาม ยาวนานมามากกว่า 80 ปี บนเส้นทางของยนตกรรมชั้นสูงจากทวีปยุโรป

ปี ค.ศ. 2011 กับการนำเสนอตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุด Aston Martin Vantage S จักรกลสปอร์ตคูเป้ที่ถ่ายทอดพันธุ์กรรมแห่งความแรง บนความสวยงามเคร่งขรึมตามแบบฉบับของผู้ดีอังกฤษ หลังจากรุ่น Vantage ออกวางขายมานานกว่า 5 ปีแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผู้บริหารของ Asaton Martin จะต้องส่งตัวเจ็บออกมากระตุ้นตลาด ด้วยโมเดลภาคต่อของรุ่น Vantage แต่เติมเต็มสัญลักษณ์ตัว S ที่ร้อนแรงลงไปที่ฝากระโปรงหลัง เฉกเช่นเดียวกันกับรถ VantageV12 รุ่นพี่ รูปทรงที่ถูกขัดเกลามาเป็นอย่างดีจึงยังคงอยู่และมีการเปลี่ยนแปลงของตัวถัง ภายนอกในบางชิ้นส่วนน้อยมาก จนแทบสังเกตไม่เห็นหากคุณไม่ไช่พวกแฟนพันธุ์แท้ของ Aston Martin การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เกิดขึ้นจากภายในมากกว่าภายนอก เพื่อส่งให้มันคือรถโมเดล Vantage ที่ร้อนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีกระดับ

รูป ทรงสปอร์ตเพรียวลมทั้งแบน เตี้ยและยาวมีให้เลือกทั้งแบบคูเป้ 2 ประตู หรือแบบเปิดประทุนหลังคาผ้าแนว GT Class ดูดีขึ้นเมื่อมันอยู่ในสีฟ้าสดใส มุมมองด้านหน้ากระจังมีเพียงแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ รีดอากาศใต้ชุดสปอยเลอร์หน้า เป็นชิ้นงานแอร์โรพาร์ตใต้ชายล่างของสปอยเลอร์หน้าที่ช่วยกดหน้ารถเมื่อวิ่ง ด้วยความเร็วสูง กระจังโครเมียมกับไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ซีนอนและหลอดไฟแบบ LED / Daytime Runing ตามสมัยนิยม ฝากระโปรงหน้างานคาร์บอนไฟเบอร์เจาะรูระบายอากาศ แนวกลางของฝาหน้ายังถูกยกขึ้นเป็นสันนูนเพื่อเพิ่มมิติของแสงเงา กระจกบังลมบานหน้ามีขนาดใหญ่และลาดเอียงตามแบบฉบับของรถสปอร์ตที่เน้นระบบ แอร์โรไดนามิก ระบบอากาศพลศาสตร์เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่วิศวกรของ Aston Martin ให้ความสำคัญมาก โดยจะเห็นได้จากทรวดทรงที่อ่อนไหวพลิ้วไปตามกระแสลมจากแนวหลังคาไปจนจรดฝา ท้าย

ด้านข้างตัวถังจะสังเกตได้ถึงความอวบอ้วนของซุ้มโป่งล้อทั้ง 4 แก้มข้างมีช่องระบายอากาศกับไฟเลี้ยวเลนส์สีขาวขนาดจิ๋วติดตั้งอยู่ กระจกมองข้างใช้ก้านคาร์บอนไฟเบอร์ทำเป็นขายึดตัวขอบกระจก แนวของเสาหน้าที่ลาดเอียงให้ความรู้สึกลื่นไหลจากงานออกแบบ บานประตูขนาดใหญ่ ดีไซน์ให้ขึ้น-ลงได้สะดวก แต่ที่โดดเด่นมากคือโป่งล้อหลังที่บวมพองออกมาสอดรับกับล้อหลังขนาดยักษ์ ล้ออัลลอยลายซี่ V-Spoke ขนาด 19 นิ้ว ใส่ยางหน้ากว้างของ Bridgestone รุ่น  Potenza RE 050 II ขนาด 245/40/R19 ทั้ง 4 ล้อ เสาหลังเอนด้วยองศาที่ต่ำมากกว่าปกติตามแบบอย่างของ Coupe ที่เน้นความแบนเตี้ย บั้นท้ายมีเลนส์ไฟท้ายสีขาวหลอด LDE ขอบฝากระโปรงหลังมีสปอยเลอร์ดักอากาศทรงตูดเป็ดเพื่อกดท้ายรถเมื่อต้องวิ่ง ทำความเร็ว กันชนหลังมีงานพลาสติกผสมคาร์บอนไฟเบอร์ โดยใช้ชิ้นงานคาร์บอนทำเป็นชายล่าง ท่อระบายไอเสียทรงกลมฝั่งละท่อ วางตำแหน่งอยู่ตรงมุมใต้แผงกันชนหลัง แผ่นสปอยเลอร์หลังทรงตูดเป็ดยังมีไฟเบรคดวงที่ 3 เหนือตราสัญลักษณ์ Aston Martin รูปปีกสีเงิน

ห้องโดยสารถูกตกแต่งด้วยวัสดุที่พบเห็นได้ทั่วไปในรถซุปเปอร์คาร์ อะลูมิเนียม คาร์บอนไฟเบอร์ หนังแท้และพลาสติกเกรดสูงมีอยู่ทั่วไปในงานแต่ง Cockpit ของ Vantage S เบาะเคฟล่าห์กับแผงประตูหุ้มหนังเล่นสีแบบทูโทน พนักพิงของเบาะคู่หน้าปักตราสัญลักษณ์ Vantage S ด้วยด้ายสีฟ้า วงพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ไม่มีสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นใดๆ ทั้งสิ้น ให้เกะกะ มีเพียงแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หลังวงพวงมาลัย เป็นก้านอะลูมิเนียมทรงยาว ปุ่มหมุนสีเงินทำด้วยอัลลอย ช่องแอร์แบบเหลี่ยม แป้นคันเร่ง เบรค ที่วางเท้าเป็นชิ้นงานอัลลอยเซาะรูสีเงิน มาตรวัดตรงหน้าผู้ขับทั้งวัดรอบและความเร็วทรงกลม ล้อมกรอบด้วยอะลูมิเนียมแพลตสีเงิน ตัดกับแผงคอนโซลสีดำ ส่วนใหญ่แล้วปุ่มควบคุมระบบต่างๆ ของ Vantage S ใช้ดีไซน์ทรงกลมเช่นเดียวกันกับนาฬิกาติดรถที่วางตำแหน่งอยู่ตรงกึ่งกลางแด ชบอร์ด ชุดเครื่องเสียง กับชุดควบคุมอุณหภูมิอยู่ใกล้กันมากจนอาจทำให้หมุนผิดได้ สวิตช์แทรคชั่นคอนโทรล เบรคมือไฟฟ้า ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ ปุ่มเกียร์ถอยหลัง ใช้รูปแบบทรงกลมทั้งหมด และทำออกมาได้สมราคาค่าตัว

เครื่องยนต์ V8 ปริมาตรความจุ 4,735 ซีซี วางตามยาวด้านหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง สร้างแรงม้าได้ 430 ตัวที่ 7,300 รอบต่อนาที มากกว่ารุ่นปกติ 10 แรงม้า แรงบิด 361 ปอนด์ฟุต ที่ 5,000 รอบต่อนาที เพิ่มขึ้น 15 ปอนด์ฟุต อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยัง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถ Aston MartinVantage S จะใช้เวลาประมาณ 4.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 189ไมล์ต่อชั่วโมง ระบบส่งกำลังซึ่งวิศวกรของ Aston Martin เลือกใช้เกียร์กึ่งอัตโนมัตแบบ 7 อัตราทด Sportshift II  โดยวางตำแหน่งของเกียร์ทั้งลูกไว้ที่เดียวกับชุดเฟืองท้าย เชื่อมต่อแรงบิดทั้งหมดจากเครื่องยนต์ด้วยเพลาคาร์บอน อัตราทดของเกียร์ 7 สปีดลูกนี้ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เข้ากับย่านของรอบเครื่องยนต์ สับเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วขึ้นกว่าเกียร์รุ่นเก่าถึง 20% ระบบรองรับทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นแบบดับเบิ้ลวิชโบน เชื่อมต่อการทำงานด้วยกลไกไฟฟ้าในระบบแทรคชั่นคอนโทรลที่ปรับได้ 3 ระดับการขับขี่ ควบคุมด้ว ECU ระบบห้ามล้อ ด้านหน้าใช้จานเบรคแบบโลหะขนาด 380 มิลลิเมตร กับคาร์ลิปเปอร์เบรคสีดำ 6 Pot ส่วนด้านหลังใช้จานเบรคขนาด 360 มิลลิเมตร กับคาร์ลิปเปอร์เบรค 4 Pot โดยมีเบรคมือไฟฟ้าติดมาให้กับมีชุดเบรคแบบคาร์บอน-ซรามิคเป็นออฟชั่นเสริม พร้อมระบบช่วยเบรคเช่น ABS , EBD , BA

มันมีแรงม้าและแรงบิดด้อยกว่า Porsche 911 Turbo / Jaguar XKR-S / หรือแม้แต่ Maserati GT MC-Stadale บนราคาค่าตัวถึง 102,500 ปอนด์ แต่เจ้าของรถที่เลือกซื้อ รถ Aston MartinVantage S จะได้รถสปอร์ตแบบ GT (Granturiamo) สายเลือดอังกฤษที่มีสมรรถนะรอบด้าน บนส่วนผสมที่ลงตัวของรถแข่งแบบ GT Class ที่สง่างาม มันคือแบบอย่างของซุปเปอร์คาร์จากศตวรรษที่ 21 ผลิตด้วยวัสดุที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีล่าสุดในวงการยนตกรรม.

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เอเวอเรสต์4x4เอนกประสงค์ตามตัว

แม้ว่ารถยนต์จะพัฒนา ก้าวหน้าไปมากแค่ไหน แต่หัวใจสำหรับคนเลือกซื้อรถคือ ความสะดวกสบาย ความประหยัดและความปลอดภัยในการเดินทาง เป็นสิ่งที่ใช้ในการตัดสินใจเป็นหลัก
รถบางคันก็ขับสนุก เช่น ซูเปอร์คาร์ แต่ไม่เน้นความอเนกประสงค์หรือพื้นที่การใช้งานยังมีรถชนิดหนึ่ง เน้นเรื่องการใช้งานแต่ก็ไม่เน้นการขับสนุก เช่น รถ รถพีพีวี หรือรถที่พัฒนามาจากพื้นฐานของรถปิกอัพ
  รถเหล่านี้ให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้งานเป็นหลัก ไม่ว่าพื้นที่ของการนั่ง (จำนวนคนนั่ง) หรือ พื้นที่ใช้เก็บสัมภาระ รถในตลาดที่โดดเด่นคือ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ตามมาด้วย ปาเจโร สปอร์ต, อีซูซุ มิว-7 และฟอร์ดเอเวอเรสต์ สำหรับมาสด้า เชฟโรเลต แม้สองค่ายนี้จะมีปิกอัพแต่ก็ไม่ได้ทำรถแบบอเนกประสงค์ออกมาขายจะมีแต่ผู้ ผลิตอิสระ เช่น ไทยรุ่ง ที่ซื้อตัวแคสซีส์และวีลชีล ไปประกอบออกมา
จำหน่ายในยี่ห้อ TR
  ราว 14 มีนาคม 2546 ฟอร์ด ประเทศไทย นำรถต้นแบบ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ (Ford Everest) รถอเนกประสงค์ (SUV) ขนาดกลางขนาด 7 ที่นั่ง ซึ่งผลิตในประเทศไทยเปิดตัวสู่ตลาดโลกครั้งแรกในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 24 (28 มีนาคม-7 เมษายน) และอีกสองปีต่อมา ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ก็ออกรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปรับปรุงหน้าตาและความทันสมัย เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ เป็นแบบอินไดเรคอินเจคชั่น ห้องเผาไหม้แบบสเวิร์ล แชมเบอร์ ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ถูกแทนที่ด้วยเครื่องใหม่ ดีเซล ดูราทอร์ค คอมมอนเรล แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16V ขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงบิด 330 นิวตัน-เมตร.143 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที และมีเครื่องดูราทอร์ค คอมมอนเรล แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16V ขนาด 3.0 ลิตร แรงบิด 380 นิวตัน-เมตร 156 แรงม้าที่ 3,200 รอบต่อนาที มาให้เลือกอีกตัว
 ในโชว์รูมเราจะเห็นรถเอเวอเรสต์ ตัวท็อป คือ รุ่น 4x4 ซึ่งมีเฉพาะเครื่องขนาด 3.0 ลิตรเท่านั้น ราคา 1.255 ล้านบาท (คันที่ทดสอบ) ในขณะรถ 3 เกรด เป็นเครื่อง 2.5 ลิตรและขับสองทั้งหมด ราคาตั้งแต่ 9.75 แสน 1.045 ล้านและ 1.155 ล้าน ตามลำดับ
 เอเวอเรสต์มี จุดเด่นคือหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ แข็งแกร่งบึกบึน ต่อมาเป็นเรื่องของขนาดตัวถังที่มีความยาวและกว้าง เบาะกลางมีระบบเข้าออกโดเด่น ด้วยวิธีการปรับเบาะที่คุมการเปิดเพียงจังหวะเดียว ประตูท้ายหรือประตูที่ 5 เปิดแบบด้านข้างไม่เหมือนใคร คุณผู้หญิงสะดวกในใช้งานมากกว่า ประตูเปิดขึ้นด้านบน เพราะไม่ต้องโหนเมื่อต้องการปิด
  เอเวอเรสต์อยู่ ในตลาดมานานพอสมควร ทำให้คุณภาพการขับของรถกลายเป็นจุดด้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เรายังคงได้อารมณ์แบบรถปิกอัพค่อนข้างมาก ในขณะที่ทางคู่แข่งให้ความรู้สึกเหมือนกับรถเอสยูวีมากว่า การที่รถเป็นเหมือนปิกอัพ การเข้าโค้ง ความแม่นยำของพวงมาลัยและความสนุกในการขับยังคงเป็นแบบเดิมๆ อยู่ ไม่เด่นไม่ด้อยแต่ไม่สุนทรีย์ 
 อย่างไรก็ตาม แม้ฟอร์ดคันใหญ่หลายที่นั่งตัวนี้จะดูไม่เด่นเท่าคู่แข่ง แต่เชื่อไหมว่าผมขับรถไปแถวศรีราชา เพื่อนคนหนึ่งเห็นแล้วกรี๊ดสลบ บอกว่า มองข้างนอกร่วมสมัยข้างในอเนกประสงค์ผมบอกว่าคันนี้ขับสนุกน้อยไปนิด เพื่อนบอกว่า เออ...เอาเท่านี้ ฉันไม่ได้ขับเร็ว

edit @ 31 May 2011 09:07:07 by car2hot

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เอเอเอสรุกเข้มตลาดรถเจ้าสัว อวดโฉมเบนท์ลีย์ซูเปอร์สปอร์ต

Pic_174808
ถึง​แม้​ช่วง​นี้​เหล่า​เก​รย์​มาร์​เ​ก็​ตจะ​มา​แรง​โหม​สั่ง​นำ​เข้า​รถ​ใหม่​ลุย​ขาย​กัน​คึกคัก

แต่ ค่าย​เอ​เอ​เอส​ออ​โต้​เซอร์วิส ตัวแทน จำหน่าย​เป็น​ทางการ​ของ​รถ​หรู​ระดับ​เจ้าสัว ถึง 3 แบรนด์ ได้แก่ ปอ​ร์เช่ เบน​ท์ลีย์ และ จากัวร์ (ใน​นาม “จากัวร์​คาร์​ส (ประเทศไทย)” ก็​บ่ยั่น

ยัง​คง​ทยอย​ลุย​ทำ​ตลาด​รถ​หรู​ทั้ง 3 แบรนด์​อย่าง​ต่อ​เนื่อง ด้วย​การ​เปิด​ตัว​รถ​ใหม่​ให้​นักเลง​รถ​น้ำลายหก​เป็น​ระยะๆ พร้อม​ชู​จุด​ขาย​ศูนย์บริการ​มาตรฐาน​แท้​และ​การ​รับประกัน​คุณภาพ​ที่​ คุ้ม​เกิน​คุ้ม

ล่า​สุด เอ​เอ​เอส​ออ​โต้​เซอร์วิส​ได้​แนะนำ​รถ​เบน​ท์ลีย์ คอน​ติ​เนนทอ​ล ซูเ​ปอ​ร์​สปอร์ต เปิด​ตัว​ครั้ง​แรก​ใน​บ้าน​เรา​ที่​งาน​บางกอก​มอเตอร์​โชว์ ครั้ง​ที่ 32 ซึ่ง​เพิ่ง​ผ่าน​พ้น​ไป​เมื่อ​ต้น​เดือน เม.ย.​ที่​ผ่าน​มา

เรียก​เสียง​กรี๊ด​สนั่น เนื่องจาก​ได้ชื่อ​ว่า​เป็น​รุ่น​ที่​มี​ความเร็ว​และ​ความ​แรง​มาก​สุด​ของ​เบน​ท์ลีย์

ด้วย​ขุม​พลัง​แห่ง​เครื่องยนต์​ใหม่ 6.0 ลิตร W12 ทวิ​น​เทอร์โบ​ชาร์จ รีด​กำลัง​ได้​ถึง 621 แรงม้า​ที่ 6,000 รอบ​ต่อ​นาที แรง​บิด​สูง​สุด 800  นิว​ตัน​เมตร​ที่ 1,700-5,600 รอบ​ ต่อ​นาที

ให้​ความเร็ว​​สูง​สุด 329   กม./ชม. อัตรา​เร่ง​จาก 0-100 กม./ชม.​แค่ 3.9 วินาที (ขณะ​ที่​ช่วง 80-120 กม./ชม. เพียง 2.6 วินาที)

มา​พร้อม​ระบบ​เกียร์ ZF 6HP26 ใหม่​และ​ระบบ Quickshift ช่วย​เพิ่ม​ประสบการณ์​การ​ขับขี่​ที่​ดี​ยิ่ง เหยียบ​เร่ง​ได้​ดั่ง​ใจ

แถม​ยัง​เติม​น้ำมัน​ได้​ทั้ง​น้ำมันเบนซิน​ธรรมดา​และ​แก๊ส​โซ​ฮอล์ E 85 หรือ​น้ำมัน​ทั้ง 2 ชนิด​มา​ผสม​กัน โดยที่​ขุม​พลัง​และ​แรง​บิ​ด ยังคงที่​สม่ำเสมอ น่า​ทึ่ง​ไม่​น้อย

ทั้ง​ยัง​มี​อัตรา​การ​ปล่อย​มลพิษ​ก๊าซ​คาร์บอนไดออกไซด์​ที่​ต่ำ​มาก จึงถือ​เป็น​รถ​สปอร์ต​ระดับ​เจ้าสัว​คัน​แรกๆที่​รักษ์ โ​ลกกัน​สุดๆ
รูปลักษณ์​สปอร์ต​คู​เป้ 2 ที่นั่ง​สุด​เฉียบ​เป็น​การ​ผสมผสาน​กัน​อย่าง​ลงตัว​ระหว่าง​งาน​ศิลปะ​ ชิ้นเอก​และ​นวัตกรรม​ยาน​ยนต์​ระดับ​จรวด​ทาง​เรียบ

แต่​ด้วย​โครงสร้าง​พื้นฐาน​การ​ออก​แบบ​มา​จาก​รุ่น​คอน​ติ​เนน​ทอ​ล​จี​ที ​อัน​เลื่อง​ชื่อ จึง​นอกจาก​จะ​มี​บอดี้​สวย​เฉียบ​สไตล์​สปอร์ต มี​สัญ​ลักษณ์​ของ​เบน​ท์ลีย์​โดด​เด่น​ทั้ง​หน้า-หลัง​แล้ว ตัว​ถัง​ยัง​เบา​เป็น​พิเศษ ซึ่ง​ช่วย​ทั้ง​อัตรา​เร่ง ความเร็ว และ​การ​ประหยัด​น้ำมัน

ห้อง​โดยสาร​ภายใน​ออก​แบบ​หรู​เต็ม​เปี่ยม วัสดุ​ทุก​ชิ้น​ระดับ​หรู​เพ​ริ​ศ เบาะ​นั่ง​สปอร์ต​มี​น้ำหนัก​เบา

สนนราคา 25.4 ล้าน​บาท

สุโค่ย!!!

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

NEW CAR OF THE MONTH

Pic_174303
รถใหม่ 8 คัน 6 ยี่ห้อจากทวีปยุโรป มีทั้งรถ Concept-Car ต้นแบบแนวคิดและรถที่ผลิตออกขายจริง เผยโฉมแล้วในงานโชว์ยานยนต์ระดับโลก ที่เจนีวามอเตอร์โชว์ เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา...

ถึงแม้ ว่าอุตสาหกรรมการประกอบรถยนต์ในแดนปลาดิบต้องชะงักงันไปบ้าง จากสาเหตุของแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะ ญี่ปุ่น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ความล่าช้าของการพื้นฟูกำลังส่งผลกระทบไปยังบริษัทผลิตชิ้นส่วนประเภท อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่ชิ้นส่วนยานยนต์ หรือแม้กระทั่งสีที่จะใช้พ่นในขั้นตอนสุดท้ายบนโรงงานประกอบ และส่งผลต่อเนื่องไปถึงการชะลอตัวของสายการผลิตจากปัญหาขาดแคลนอะไหล่หรือ ชิ้นส่วนจากบริษัทเหล่านั้น กว่าทุกอย่างจะกลับมาเข้าสู่สภาวะปกติคงต้องรอไปถึงช่วงปลายปีนี้

แต่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่ได้รับผลกระทบก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินต่อไปบน เส้นทางของโลกแห่งยนตกรรมที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง และนี่คือรถใหม่จากทวีปยุโรปซึ่งเผยโฉมไปแล้วในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ มีทั้งรถต้นแบบแนวคิดกับรถที่ผลิตออกขายจริงหลายหลายรูปแบบทั้ง Crossover/ Super Car / Sedan สมรรถนะสูงและ Sport Coupe จากญี่ปุ่นที่จะออกวางขายภายในต้นปีหน้านี้
                                        Renault Captur Concept 2013
นี่คือรถ Concept Car รุ่นพิเศษจากค่ายรถเมืองน้ำหอม Renault ที่ใช้โครงร่างของ Nissan Juke -Crossover รุ่นเล็ก 4 ที่นั่งบนเรือนร่างที่ล้ำสมัยสุดๆ จากการออกแบบของ Laurens Van Den Acker ดีไซน์เนอร์หัวก้าวหน้าผู้ที่ย้ายมาจาก Mazda เมื่อ 2 ปีก่อน หลังคาแบบยกออกได้ทำให้ตัวรถ Captur มีส่วนผสมของ Coupe และ Cabrio ส่วนประตูบานข้างทั้งสองก็ยังถูกออกแบบให้เปิดออกได้ในรูปแบบปีกนก เจ้า Renault Captur Concept จะถูกผลิตออกขายในยุโรปประมาณปี ค.ศ. 2013 แต่ล้อขนาด 20 นิ้วในคันต้นแบบคงต้องถูกปรับเปลี่ยนให้มีขนาดที่เล็กลง เครื่องยนต์ของ Captur Concept เป็นเครื่องดีเซล 4 กระบอกสูบปริมาตรความจุ 1.6 ลิตร ให้กำลัง 160 แรงม้า พร้อมแรงบิด 280 ปอนด์ฟุต ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ทวินคลัตช์ 6 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 8.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 130 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้มันจะดูเหมือน SUV ตัวลุย แต่เจ้า Renault Captur Concept ใช้ระบบขับเคลื่อนส่วนใหญ่แค่ 2 ล้อหน้า โดยมีชุดถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อหลังหากสูญเสียกำลังในการตะกุยตัวเองขึ้นจาก หล่มโคลน

กล้อง Visio System ติดตั้งบนกระจกหน้า ผสมผสานภาพจริงเข้ากับฟังก์ชั่นการใช้งาน ช่วยผู้ขับให้ใช้งานในระบบนำทางได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น Mr. Laurens Van Den Acker แจ้งว่า มันถูกออกแบบมาเพื่อคู่รักที่ชอบใช้รถยนต์เพื่อการฮันนีมูนอย่างแท้จริง
                                                Infiniti Etherea

ขั้นตอนสุดท้ายของการปรัปรูปโฉมรถ Infiniti Etherea ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว นี่คือรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูขนาดเล็กของค่าย Nissan ในอเมริกา ตัวถังที่มีความสูงมากกว่าปกติทำให้มันคล้าย Crossover ขนาดกะทัดรัดที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เส้นสายต่างๆ บนตัวรถถูกถอดแบบมาจากรถต้นแบบ Essence เสาหลังหรือเสา C รูปทรงประหลาดกับไฟท้ายทรงรีแหลม เพิ่มมุมมองที่แปลกแยกและแตกต่างอย่างชัดเจน ประตูด้านข้างทั้งสี่บานเปิดออกแบบตู้กับข้าว (คล้ายกับรถ Mazda RX8) หัวหน้าแผนกออกแบบของ Nissan ในสหรัฐแจ้งว่า หลังจากสิ้นสุดการประเมินรูปลักษณ์ของเจ้า Infiniti Etherea ที่มีต่อกลุ่มลูกค้าของ Infiniti แล้วมันจะถูกผลิตขึ้นภายในปี 2013 นี้ โดยวางเครื่องยนต์แบบ 4 กระบอกสูบ 2.5 ลิตรไว้ที่ด้านหน้า ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้าแต่จะมีชุดเฉลี่ยแรงบิดไปยังล้อหลัง หากสูญเสียแรงยึดเกาะ เครื่องยนต์ 4 สูบจะมีระบบอัดอากาศแบบซุปเปอร์ชาร์จไฮบริด ให้กำลัง 245 แรงม้าในการต่อกรกับ Lexus ในตระกูล RX บนแผ่นดินอเมริกา
                                                  Toyota FT86 II

รถ FT86 II คือต้นแบบรุ่นที่ 3 ของสปอร์ตคาร์ขนาดกะทัดรัดจากค่ายสามห่วง ที่ร่วมมือกับ Subaru ในการรังสรรค์รถคูเป้ เครื่องยนต์สูบนอนวางหน้าขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง!! รถ Toyota FT86 II เป็น Concept Car เวอร์ชั่นที่ 3 ก่อนจะผลิตออกขายในช่วงต้นปี 2012 นี้ โดยเริ่มจากทวีปยุโรปก่อน หลังจากนั้นมันจะทำตลาดไปทั่วโลกบนโครงร่างที่งดงาม ตัวรถต้นแบบรุ่นที่ 3 นี้ ทางวิศวกรของ Toyota แจ้งว่ามันมีความใกล้เคียงกับรูปลักษณ์ของรถ FTR86 ที่จะลงมือผลิตออกขายมากที่สุดแล้ว รายละเอียดเช่น โคมไฟหน้า ชุดแอร์โรพาร์ตกับล้ออัลลอย นับเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งสุดท้าย ฝากระโปรงด้านหน้าที่ลาดเทเกิดจากการวางเครื่องยนต์สูบนอนแบบหายใจเองที่ต่ำ มากๆ ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดอัตราทดชิด โดยจะเริ่มวางขายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2012 นี้อย่างแน่นอน
                                                  Ferrari FF 4x4

สปอร์ตคาร์แฮทช์แบ็ค 3 ประตูที่เร่าร้อนของค่ายม้าลำพองคันนี้ มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเต็มรูปแบบ นับเป็นครั้งแรกที่บริษัท Ferrari ลงมือพัฒนาและวิจัยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเพื่อนำมาใส่ยังตัวรถ Ferrari FF พร้อมกับการเริ่มต้นโฉมหน้าใหม่ในระบบของเคลื่อนของ Ferrari ภายในห้องโดยสารของมันมีการผสมผสานระหว่างภายในที่งดงามของรุ่น 458 และ 599 เช่น พวงมาลัยทรงฐานตัด มาตรวััดและปุ่มมาเนตติโน ปรับเปลี่ยนโหมดของการบังคับควบคุม ฐานล้อถูกยืดออกไปอีก 40 มิลลิเมตรเพื่อให้มันกว้างมากกว่ารุ่น 612 กับน้ำหนักตัวที่ 1,840 กิโลกรัม เครื่องยนต์ V12 ปริมาตรความจุ 6,262 ซีซี 651 แรงม้า วางตามยาวด้านหน้า-ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 3.7 วินาทีและมีความเร็วสูงสุดที่ปลายคันเร่งประมาณ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง นับว่าเป็นรถ Ferrari แบบ 4 ที่นั่งคันแรกที่สามารถทำความเร็วได้ขนาดนั้น ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อใช้เพลาตัวที่สองต่อเชื่อมจากเกียร์ไปยังเพลาขับหน้า ส่งถ่ายแรงบิดไปที่ล้อหน้า 47.0% ส่วนล้อหลังจะได้แรงบิดมากกว่าที่ 53% บนการบังคับควบคุมที่สุดยอดตามรูปแบบของรถแรงจากมาราเนโล
                                                          BMW Alpina B5 Touring

ในขณะที่บริษัท BMW กำลังตัดสินใจว่าจะผลิตรถ M5 ในรูปแบบของรถ Touring Model ดีหรือไม่ สำนักแต่งรถคู่บารมีอย่าง Alpina จึงชิงลงมือก่อนด้วยการเปิดตัวรถสปอร์ตแวนกอน สมถรรนะสูง BMW Alpina B5 Touring โดยใช้รูปโฉมของโมเดล Series 5 รหัส F11มาทำการดัดแปลงตกแต่งด้วยอุปกรณ์พิเศษ เช่น ล้อ เครื่องยนต์ ชิ้นงานแอร์โรพาร์ต เบาะ แผงประตู กาบบันได วงพวงมาลัย มาตรวัดหน้าปัด พรมปูพื้น ท่อระบายไอเสียฯ รถ BMW Alpina B5 Touring ถูกเปิดผ้าคลุมในงานแสดงรถยนต์เจนีวามอเตอร์โชว์ไปเมื่อช่วง 2 เดือนก่อน วิศวกรของ Alpina วางเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 500 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรใน 4.8 วินาที (แรงพอๆ กับ M3 E92 แต่ตัวใหญ่ ยาวและหนักกว่า) ส่วนความเร็วปลายอยู่ที่ 302 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!! บนตัวเลขราคาในประเทศอังกฤษที่ 75,850 ปอนด์
                                              BMW M5 Concept 2012

กลุ่มลูกค้าระดับสูงของค่ายใบพัดสีฟ้า-ขาว ที่ชื่นชอบในความแรงบวกสมรรถนะ เตรียมพบกับจักรกลพลังสูง BMW M5 ที่จะออกขายในช่วงต้นปี 2012 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรถรุ่น M5 จากที่เคยใช้ทั้งเครื่องแถวเรียง 6 กระบอกสูบในโมเดล M5 E34 มาขยายความจุเพื่อเพิ่มแรงม้าในโมเดล M5 E 39 ด้วยเครื่อง V8 หายใจเองที่มีม้า 400 ตัว และเครื่อง V10 500 แรงม้าในโมเดล M5 E60 กาลเวลาก่อกำเนิดความเปลี่ยนแปลงในหัวใจที่ให้พลังงานของรถ M5 รุ่นล่าสุดที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงถึง 555 แรงม้าที่ 5,750-6,000 รอบต่อนาที กับแรงบิดในระดับอภิมหาบ้าพลังที่ 680 นิวตันเมตร บนรอบเครื่องประมาณ 1,500-5,650 รอบต่อนาที สมรรถนะส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากระบบส่งกำลังซึ่งเป็นเกียร์ คลัตช์คู่ 7 สปีดพร้อมสมองกลไฟฟ้าที่พัฒนามาล่าสุดให้เปลี่ยนเกียร์ได้ไวมากขึ้น (มันมีเกียร์ที่ไวกว่ารถ M ทุกๆ รุ่นที่ BMW เคยผลิตมา) แก้มข้างมีช่องระบายอากาศมาให้เหมือนเดิม สปอยเลอร์หน้าที่โหดมากขึ้น กับล้ออัลลอยลาย 10 ก้านคู่ ผลิตด้วยกรรมวิธี Force เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 นิ้วทั้ง 4 ล้อ ห่อรัดด้วยยางซิ่งสมรรถนะสูงไซล์ 265/35/Zr20 ระบบรองรับ M-Suspension ถูกปรับให้เหนือกว่ารุ่นปกติเนื่องจากขนาดของย่านกำลังที่มากกว่ารุ่นปกติ ถึง 4 เท่าตัว เฟืองท้ายแบบ Active M Differential ปรับแก้ให้สมดุลมากยิ่งขึ้นกว่ารถ X5M และ X6M
                                                   Jaguar XKR-S

ความแรงที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากการอัพเกรดรถ XKR รุ่นปกติด้วยการเติมตัวอักษร S ต่อท้าย นี่คือสปอร์ตคาร์ของพวกอังกฤษที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของค่ายรถ TATA จากอินเดีย เจ้าของใหม่ของบริษัท Jaguar ที่ให้เงินสนับสนุนการพัฒนาตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดโดยไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือก้าวก่ายดีไซน์บนตัวรถแม้แต่นิดเดียว รถ Jaguar XKR-S ใช้เครื่องยนต์ AJ-V8 แรงขึ้นจากรุ่น XKR ที่มีม้า 503 ตัวและรุ่น XKR-75 ที่มีม้า 523 ตัวมาเป็น 542 แรงม้าในรุ่น XKR-S กับการผลิตในรูปแบบของสะสมในจำนวนไม่มากนัก แรงบิด 504 ปอนด์ฟุต สร้างอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปถึง 100 กิโลเมตรใน 4.4 วินาที บนความเร็วปลายคันเร่งที่ 186 ไมล์ต่อชั่วโมง ฝากระโปรงหน้าเซาะช่องดักอากาศ พร้อมวิงหลังคาร์บอนไฟเบอร์กับครีบรีดอากาศบนงานแต่งตัวถัง ช่วยกดบั้นท้ายยามใช้ความเร็วในการพุ่งทะยานแหวกอากาศ นับเป็นรถ Jaguar อีกรุ่นที่สุดขั้วเอามากๆ บนตัวเลขราคาที่ 97,000 ปอนด์
                                                  Toyota Verso-S

รูปแบบของความอเนกประสงค์บนโครงรถแบบ 5 ประตูขนาดกะทัดรัดจากค่าย Toyota ในทวีปยุโรปกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง รถ Toyota Verso-S ใช้ความคล่องตัวสำหรับการใช้งานในเมืองใหญ่เป็นจุดขาย ห้องโดยสารถูกขยายให้มีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างพอเพียงสำหรับการเดินทางไกล เบาะถูกแบ่งออกเป็นสองแถวโดยเหลือพื้นที่ด้านหลังไว้ให้ขนสัมภาระ เครื่องยนต์ขนาดเล็กเน้นความประหยัดและมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ต่ำมาก รถ Toyota Verso-S ใช้เครื่องแถวเรียง 4 กระบอกสูบทั้งเบนซินและดีเซล รุ่นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3 ลิตร กับระบบวาว์ลแปรผัน VVT-i อันขึ้นชื่อของค่ายสามห่วง มีม้ามาให้ใช้งานกันแบบเบาะๆ แค่ 99 ตัว แต่ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 21.0 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล D4D มีปริมาตรความจุเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ลิตร แรงม้าลดลงเหลือเพียงแค่ 90 แรงม้า แต่จิบน้ำมัน 1 ลิตรโดยได้ระยะทางถึง 25 กิโลเมตร.