วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ประหยัด-สนุกกับ"ฟอร์ดเฟียสต้า"

ลอง"ฟอร์ด เฟียสต้า"บนเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ แม้ไม่จี๊ดจ๊าด แต่มาพร้อมระบบช่วงล่างและตัวเลขประหยัดน้ำมันที่ต้องปรบมือให้
โดย...นิธิ ท้วมประถม
หลังจากที่ได้ลองขับฟอร์ด เฟียสต้า รถยนต์ขนาดเล็กของฟอร์ด เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสได้ลองเจ้าฟอร์ด เฟียสต้า อย่างเป็นทางการ และเต็มที่อีกครั้ง โดยทางทีมงานฟอร์ด ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมลองขับฟอร์ด เฟียสต้าอีกครั้ง ในเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กันอีกครั้ง
การลองขับครั้งนี้ ส่วนตัวผมนั้นลองขับทั้งในแบบประหยัดน้ำมัน และแบบเผาผลาญน้ำมัน แบบสุดๆ ในคราเดียวกันไปเลย เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าฟอร์ด เฟียสต้า คันนี้ มีดีมีด้อยกันอย่างไรไปเลย
ผมขอข้ามรูปร่างหน้าตาของฟอร์ด เฟียสต้า ไปเลยนะครับ เพราะเคยพูดถึงไปแล้วว่ารูปร่างหน้าตาโฉบเฉี่ยว ถูกใจวัยรุ่นแค่ไหน
ครั้งนี้ขอพูดถึงเรื่องสมรรถนะอย่างเดียว ล้วนๆ เน้นๆ นะครับ
เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่นั้นเป็นเส้นทางที่ผมขับเป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่รถเล็กเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร อย่างเฟียสต้านั้นจะไหวหรือเปล่าแค่นั้น แม้ว่าจะมีช่วงที่ขับประหยัดน้ำมันก็ตาม
เฟียสต้าใช้เครื่องยนต์ระบบแปรผันแคมชาร์ฟ แบบอิสระคู่ ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลัง 121 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 151 นิวตันเมตรที่ 4,050 รอบต่อนาที โดยเครื่องยนต์ตัวนี้สามารถใช้น้ำมัน อี20 ได้ด้วย ที่สำคัญระบบเกียร์อัตโนมัติของเฟียสต้า เป็นแบบเพาเวอร์ชิฟต์ 6 สปีดใหม่ ซึ่งถือว่าค่อนข้างจะทันสมัยไม่น้อยทีเดียว
เริ่มแรกเส้นทางการขับ ขับกันไปแบบเรื่อยๆ ครับ ช่วงแรกผมยังไม่ได้เป็นผู้ขับขอเป็นผู้นั่งโดยสาร ทำให้รู้ว่าเบาะนั่งของเฟียสต้านั้นแคบไปนิด แต่ไม่ถึงกับอึดอัดครับ ถ้านั่งด้านหน้าแต่ถ้านั่งตอนหลังก็น่าจะขยับแข้งขาลำบากเหมือนกัน
ผมเริ่มขับเจ้าเฟียสต้า แถวๆ นครสวรรค์-กำแพงเพชร เพื่อลองขับในโหมดแบบประหยัดน้ำมันนั่นคือ ความเร็วอยู่ระหว่าง 80-100 กม./ชม. เปิดแอร์ตามปกติ ความดันลมยางตามมาตรฐานโรงงาน ไม่มีปรับแต่งอะไรที่ผิดธรรมชาติ
ความเร็ว 80 กม./ชม. เท้านิ่งๆ รอบเครื่องยนต์ประมาณ 1,900 รอบ/นาที ขับแบบไปเรื่อยๆ ฟังเพลงเบาๆ ไปเรื่อยๆ จะเลือกฟังเพลงจากวิทยุก็ได้ ซีดีก็มี หรือจะเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ไอพอดก็ไม่มีปัญหา
การขับในลักษณะนี้ ไม่ใช่เรื่องยากครับ เพราะรักษารอบเครื่องยนต์กับความเร็วให้คงที่เอาไว้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องที่ระดับความเร็ว 80 กม./ชม.นะครับ ความเร็วระดับ 110 กม./ชม. หากขับไปเรื่อยๆ นิ่งๆ ไม่ได้เร่งแซงมากนัก ก็ประหยัดเหมือนกัน
ผมขับมาในความเร็วระดับ 80-90 กม./ชม. ไม่มีต่ำกว่านี้ ทำให้แซงหน้ารถในขบวนหลายคัน ที่แข่งประหยัดแบบจริงจัง ถึงขนาดปิดแอร์ขับ เติมลมยางให้แข็งกว่าปกติ เพื่อหวังจะได้ตัวเลขประหยัดน้ำมันปลอมๆ เอามาโชว์ว่า เจ๋ง แต่ลืมไปว่า ตัวเองกำลังทำหน้าที่ “สื่อ” อย่างถูกต้อง หรือกำลังตกเป็นเหยื่อบริษัทรถยนต์ ที่เอาของรางวัลมาล่อ เพื่อแลกกับตัวเลขประหยัดน้ำมันปลอมๆ
ระยะทาง 142 กิโลเมตร ผมใช้น้ำมันไปทั้งสิ้น 6.4 ลิตร หรือตกประมาณ 23 กม./ลิตร ซึ่งส่วนตัวผมถือว่าประหยัดใช้ได้เลยครับ และเป็นตัวเลขบนการใช้งานจริงๆ
เมื่อสิ้นสุดช่วงขับแบบประหยัดแล้ว เป้าหมายสุดท้ายคือเชียงใหม่ กับระยะทางอีกกว่า 300 กิโลเมตร ทำให้เส้นทางหลังจากนี้ ผมถือว่าเป็นช่วงท็อปสปีด
น้ำมันเต็มถัง ตำแหน่ง เกียร์ D ถูกเลื่อนไป เท้ากดคันเร่งทันที ซึ่งยอมรับว่าเฟียสต้านี้ออกตัวค่อนข้างอืดไปเสียหน่อย ไม่จี๊ดจ๊าดเหมือนรถเล็กยี่ห้ออื่น แต่เมื่อหลังจากออกตัวแล้ว ในความเร็วระดับกลาง-สูง การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์ทำได้ดีมาก
อัตรา เร่งในระดับความเร็วเกิน 120 กม./ชม. ยังสามารถเรียกออกมาได้ ความเร็วเฉลี่ยที่ผมใช้อยู่ที่ 160-170 กม./ชม. บางครั้งความเร็วไปถึง 190 กม./ชม.
ผมบอกได้คำเดียวครับว่า ผมยกนิ้วให้กับช่วงล่างของเฟียสต้า ที่ไว้ใจได้จริงๆ ความเร็วระดับ 150 กม./ชม. ไม่สามารถทำให้เฟียสต้าออกอาการโยน หรือพวงมาลัยสั่นได้ ทุกอย่างยังมั่นคงไม่น้อย ช่วงขึ้นเขาจากลำปาง-ลำพูน ความเร็วยังอยู่ระดับ 120-150 กม./ชม. แบบไม่ขาดตกบกพร่อง
บอกได้คำเดียวว่า “ขอปรบมือให้”
แต่เมื่อขับด้วยความเร็วขนาดนั้นก็ต้องแลกกับน้ำมัน 1 ถัง เต็มๆ กับระยะทาง 300 กว่ากิโลเมตร
ถ้าผมเป็นเจ้าของเฟียสต้า ผมไม่ขับประหยัดหรอกครับ มีรถดีๆ หนึบๆ อย่างนี้ ขับประหยัดเสียดายความสนุกจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น