วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รถสปอร์ต JAGUAR XKR-S

Pic_175749
เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี บนตำนานอมตะของ Jaguar E-Type ด้วยรถรุ่นพิเศษ XKR-S ซุปเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดบนประวัติศาสตร์ ของค่าย Jaguar...

เทคโนโลยี ในเรื่องน้ำหนักและโครงสร้างของรถยนต์จากค่าย Jaguar นับเป็นนวัตกรรมที่น่าติดตาม โครงตัวถังในยุคปัจจุบันของบริษัทผลิตรถยนต์เก่าแก่ของพวกอังกฤษ มีความแข็งแกร่งทนทานสูงมากจากการใช้อะลูมินัมอัลลอยเป็นส่วนประกอบสำคัญ บนตลาดรถสปอร์ตของยุโรปที่มีการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย บริษัทที่ใช้ตราสัญลักษณ์เสือกระโดดแห่งนี้ยังคงออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่อย่าง ต่อเนื่อง แม้บางเวลาจะต้องพบกับความยากลำบากจากยอดขายที่ตกต่ำ รูปแบบที่ล้าสมัยและซดน้ำมันดุเดือดเลือดพล่าน การปรับเปลี่ยนดีไซน์เพื่อเข้าสู่ยุคใหม่จากรูปลักษณ์บนตัวรถ Jaguar พร้อมกับเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนล่าสุดทำให้ค่ายรถแห่งนี้กลับมาได้รับความ สนใจอีกครั้ง รวมถึงแหล่งเงินทุนมหาศาลของพวกอินเดียอย่างบริษัท TATA ที่เข้ามาควบรวมกิจการ ทำให้อนาคตของ Jaguar ดูสดใสขึ้นอีกครั้ง
รถสปอร์ตในโมเดล XKR ของ Jaguar กำลังก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จหลังจากการปฏิวัติรูปลักษณ์ใหม่หมด จากที่เคยมีรูปทรงทื่อๆแข็งๆในรุ่นเก่ามาเป็นความพลิ้วไหวบนเส้นสายแบบใหม่ ของรุ่นปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ของความยิ่งใหญ่บนตัวรถ Jaguar รุ่น E-Type ที่สร้างสมไว้เมื่อกว่า 50 ปีก่อน กำลังถูกสานต่อด้วยรถสปอร์ตรุ่นล่าสุดที่ทรงพลัง สวยงามและมีเทคโนโลยีไฮเทคของปี 2011 บรรจุอยู่อย่างครบครัน นี่คือนวัตกรรมในการทำความเร็วสืบเนื่องต่อจากรุ่น XKR-75 และเปิดตัวไปแล้วในงานแสดงรถยนต์ เจนีวามอเตอร์โชว์ บนบูธจัดแสงของบริษัท Jaguar เมื่อเดือนมีนาคมที่่ผ่านมา อสูรกายตัวใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Jaguar XKR-S ที่ได้ชื่อว่า เป็นรถในตระกูล XK ที่ทรงพลังและแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของค่ายหัวเสือ
หัวหน้าทีมดีไซน์ของ Jaguar-Mr. Ian Callum พยายามปรับภาพลักษณ์ของเจ้า XKR-S ให้ดิบโหด ดุดันมากกว่ารถ XKR ทุกรุ่นที่บริษัทแห่งนี้เคยผลิตออกขาย งานที่ยากลำบากนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยการสนับสนุนจากกลุ่มผู้บริหารที่ต้องการ ให้ Jaguar มีรถสปอร์ตที่สามารถเทียบเคียงหรือเหนือกว่าซุปเปอร์คาร์จากพวกอิตาเลี่ยน หน้าตาที่เรียบๆ ของรุ่นปกติถูกปรับแก้ใหม่ทั้งหมดบนชิ้นงานคาร์บอนเคฟล่ากับงานอะลูมิเนียม อันละเอียดอ่อนของโครงตัวถัง ฝากระโปรงหน้ามีการใช้ช่องระบายแฝดสองฝั่ง คาดกลางฝาหน้าด้วยการยกเส้นนูนเพื่อเพิ่มมิติแสงเงา ไฟหน้าแบบใหม่ ใช้โพลิเมอร์ใสภายในบรรจุกระบอกไฟแบบโปรเจคเตอร์ไบซีนอน ขอบของกรอบไฟหน้ายังมีหลอด LED Daytime Runing กระจังหน้าแบบรังผึ้งแนวอนุรักษ์นิยมที่มีประดับอยู่บนรถ Jaguar มานานก็ยังถูกนำมาใส่ไว้ใน XKR-S ใช้พลาสติกสีดำแบบตระแกรงรังผึ้งสองชั้นคาดกลางด้วยชุดสปอยเลอร์หน้า แก้มข้างทั้งสองมีช่องนำอากาศเข้าไประบายความร้อนให้กับจานเบรค ออกแบบได้อย่างชาญฉลาดและใช้งานได้จริง ส่วนชายล่างมีแผ่นคาร์บอนเพื่อกดหน้ารถเมื่อใช้ความเร็ว
ด้านข้างของ XKR-S มีช่องระบายอากาศที่ซุ้มล้อหน้า กับแนวคอดบริเวณประตูแล้วโป่งออกที่ซุ้มล้อหลัง ล้ออัลลอยลาย 12 ก้านคู่ 5 รูน็อตยึดมีขนาดต่างไซส์กัน ด้านหน้าขนาด 9x20 นิ้ว ใส่ยางสมรรถนะสูงของ Pirelli รุ่น P-Zero ไซล์ 255/35R20 ส่วนล้อหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนมีขนาดใหญ่กว่าที่ 10.5x20 นิ้ว กับยาง Pirelli  P-Zero ไซล์ 295/35R20 เสาหน้าเอนรับกับแนวโค้งของหลังคาไล่ไปจนถึงเสาหลังที่บางเฉียบ พร้อมกระจกบานฝาท้ายขนาดใหญ่ตามลักษณะของ Sport-Coupe ด้านบนของฝาท้ายยังติดตั้งวิงหลังคาร์บอนคอมโพสิตเพื่อกดท้ายรถให้แนบกับ พื้น เมื่อวิ่งที่ความเร็วสูงโดยใช้ไฟเบรคดวงที่สามเป็นหลอด LED สีขาวติดตั้งอยู่ภายในแผ่นวิงหลัง ไฟท้ายยังคงดูคล้ายกับรุ่น XKR แต่ปรับเปลี่ยนการวางหลอด LED รวมถึงสีของเลนส์พลาสติกขาว-แดง ชายล่างของสปอยเลอร์หลังมีชิ้นงานเคฟล่าทำเป็นครีบรีดอากาศ กับท่อไอเสียสแตนเลสทรงกลม 4 ท่อและสัญลักษณ์ XKR-S

ภายใน Cockpit ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของห้องโดยสารสไตล์ผู้ดีอังกฤษในทุกกระเบียดนิ้ว แต่ยังดูแข็งเกินไปในบางจุดเมื่อเปรียบเทียบกับห้องโดยสารที่งดงามลงตัวของ ซุปเปอร์คาร์อย่าง Ferrari หรือ Lamborghini หัวหน้าทีมออกแบบ Mr. Ian Callum ใช้โทนสีเทาดำที่ดูเคร่งขรึมมาตกแต่งห้องโดยสารของเจ้า XKR-S งานตัดเย็บหนังแท้คุณภาพสูงเข้ากับตัวเบาะใช้การเดินตะเข็บด้ายสีแดงหรือสี ขาวเพื่อสอดแทรกมาดสปอร์ต เบาะบักเกตซีตทรงรถแข่ง พนักพิงศีรษะประทับตรา RS ให้รู้ว่าเจ้าของกำลังนั่งอยู่บนตัวรถรุ่นพิเศษของ Jaguar จอ LHD มัลติฟังก์ชั่นขนาด 8 นิ้ว วางตำแหน่งอยู่ตรงกึ่งกลางของแดชบอร์ด รวบรวมเอาระบบต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน เช่น ระบบนำทางและกำหนดตำแหน่งด้วยดาวเทียม โทรศัพท์ Bluetooth ระบบ Internet ความเร็วสูง วิทยุ CD/DVD/MP3 ช่อง AUX-USB เชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงภายนอก กับชุดลำโพงคุณภาพสูงของ Bowers And Wilkins ชุดปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร รวมถึงปุ่มปรับโหมดการขับ ต่ำลงมาเป็นปุ่มเกียร์ออโต้ทรงกลมแบบแป้นหมุน สวิตช์โหมดของระบบ E-Diff-Traction And Stability Control System บนงานอะลูมิเนียมบวกพลาสติกเกรดสูงอันเลอค่า ปุ่มสวิตช์สตาร์ตเครื่องยนต์สีแดง ส่วนแป้นคันเร่ง เบรคและที่วางเท้าเป็นชิ้นงานอัลลอยสีเงินทั้งหมด รวมถึงกาบบันไดและซุ้มเกียร์ วงพวงมาลัยสามก้านมีสวิตช์ควบคุมความเร็วอัตโนมัติกับปุ่มปรับเครื่องเสียง ติดมาให้ แต่ไม่มีแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่หลังคอพวงมาลัย
หัวใจของการขับเคลื่อนบนรถ Jaguar รุ่นพิเศษคันนี้เป็นเครื่องยนต์แบบ V8 รหัส AJ วางตามยาวด้านหน้า โดยร่นจุดยึดแท่นเครื่องเข้าไปใกล้ห้องโดยสารเพื่อการกระจายน้ำหนักที่ดี (Firewall) เครื่องยนต์ขนาด 5.0 ลิตร 4,998 ซีซี ติดตั้งระบบอัดอากาศแบบ Supercharged ให้กำลังสูงสุด 542 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 502 ปอนด์ฟุตที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาที สูงกว่า XKR รุ่นปกติถึงกว่า 40 แรงม้า กำลังในรูปแบบของอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักยังมากกว่า Aston Martin V12 หรือเกือบเท่ากันกับรถ Nissan GT-R อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 4.2 วินาที โดยสามารถไปได้จนสุดคันเร่งที่ตัวเลข 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบคลัตช์เดี่ยว ทำงานควบคู่ไปกับระบบควบคุมการทรงตัวบนการตัดสินใจของสมองกลไฟฟ้าที่รวดเร็ว จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดแบบไดเรคอินเจคชั่น ชุดท่อระบายไอเสียติดตั้ง Active Exhaust เพื่อเพิ่มกระแสการไหลเวียนของแก๊สไอเสียได้รวดเร็วกว่าปกติ
ระบบรองรับของ XKR-S ทั้งหน้าและหลังเป็นแบบ Double Wishbones Coil springs Adaptive Dampers Anti-Roll Bar ช่วงล่างด้านหน้าปรับเซ็ตค่าสปริงให้แข็งขึ้นอีก 28% เพื่อรองรับแรงม้าที่มาอีก 40 ตัว ป้องกันการย้วยของช่วงล่าง เปลี่ยนมาใช้หัวต่อแกนล้อแบบอะลูมิเนียมแทนของเดิมที่เป็นโลหะ หัวต่อที่ออกแบบใหม่จะช่วยเพิ่มค่าความแข็งให้กับมุมแคมเบอร์และมุมคาสเตอร์ ส่งผลให้มันมีความแม่นยำสูง ความแข็งของจุดยึดยังช่วยลดค่าความคลาดเคลื่อนอีกด้วย ค่าความแข็งจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นตัวเลขประมาณ 0.13 องศาต่อหนึ่งหน่วยกิโลนิวตัน ส่วนด้านหลังมีน้ำหนักเบาขึ้นจากการใช้ล้ออัลลอยลายใหม่ รวมถึงจุดยึดต่างๆที่ใช้อัลลอยเข้ามาแทนที่เหล็ก น้ำหนักของช่วงล่างใน XKR-S ลดลงจากรุ่นที่แล้ว 4.8 กิโลกรัม ส่งผลไปถึงการควบคุมที่ดีขึ้น ระบบห้ามล้อด้านหน้าใช้จานดิสเบรคโลหะขนาด 380 มิลลิเมตร ประกบกับคาร์ลิปเปอร์อัลลอยสีแดงประทับตรา Jaguar ขนาด 6 Pot ส่วนจานดิสเบรคหลังมีขนาด 376 มิลลิเมตร กับคาร์ลิปเปอร์อัลลอย 4 Pot ชุดเบรคสมรรถนะสูงของ XKR-S เพิ่มพื้นที่ให้กับผ้าเบรคในการสัมผัสกับจานหน้าถึง 44% และด้านหลังอีก 33% ทั้งหมดจะทำงานผ่านระบบซอฟต์แวร์กันสะเทือนแบบแปรผัน รวมถึงระบบช่วยเบรคเช่น ABS/EBD/BA บนน้ำหนักตัวรวมทั้งคันที่ 1,753 กิโลกรัม
งานดีไซน์ตัวถังที่เฉียบคมของ XKR-S กับการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรของบริษัท Jaguar จะทำให้ค่ายรถเก่าแก่ของอังกฤษแห่งนี้กลับมาเข้มแข็งขึ้นอย่างแน่นอน ภายใต้ร่มเงาของบริษัทผลิตรถยนต์ TATA ผู้กุมชะตากรรมและผู้สนับสนุนเงินทุนมหาศาลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อ ออกไปแข่งขันบนตลาดรถยนต์ระดับสูงของยุโรป ทีมผู้บริหารจากอินเดียไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายหรือสั่งการแม้แต่น้อยโดยปล่อย ให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินต่อไปตามวิถีทางของพวก Jaguar รถสปอร์ต XKR-S คืองานประติมากรรมชิ้นเอกของวงการซุปเปอร์คาร์ และแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร เป็นผลงานชิ้นเยี่ยมของนักออกแบบรถยนต์อย่าง Mr. Ian Callum ผู้ที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อคุณค่าของศาสตร์และศิลปในประวัติศาสตร์ อันยาวนานของบริษัทรถยนต์แห่งนี้ รถ Jaguar XKR-S คือการย้อนรอยตำนานแห่งความสำเร็จของรุ่น E-Type เป็นจักรกลความเร็วสูงคันแรกที่มีส่วนผสมอันลงตัวของความงดงามและพลัง ซึ่งจะอยู่คู่กับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ Jaguar ตลอดไป.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น