วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

MERCEDES BENZ SLK250 SHORT TEST

Pic_179249

อนุกรมที่ 3 ของโมเดลตัวถัง R172 สปอร์ตโรสเตอร์เปิดหลังคารหัส SLK จาก Mercedes Benz กับการทดสอบสมรรถนะช่วงสั้นๆ ที่ Motor sportland...


Roadster หลังคาโลหะแบบพับเก็บได้โมเดลแรกสุดของค่ายตราดาวออกสู่สายตาของสาธารณะชน เป็นครั้งแรกเมื่อปีคศ 1996 กับรหัสตัวถัง R170 บนรูปทรงที่เล็กกระทัดรัด สั้น แบนและเตี้ยตามสูตรสำเร็จของสปอร์ตคาร์สองที่นั่งเครื่องวางหน้า-ขับเคลื่อน ล้อหลัง จากปี 1997-2003 บนยอดจำหน่ายที่สูงลิ่วจากการรวบรวมสถิติการขาย ความนิยมในรูปลักษณ์และสมรรถนะของการขับขี่ ทำให้ Mercedes Benz ต้องปล่อยโมเดลที่ 2 รหัส R171 ออกสู่ตลาดตามออกมาในปี 2004 ด้วยเรือนร่างที่ปราดเปรียวมากขึ้นกว่ารุ่นแรก กลไกหลังคาโลหะไฟฟ้าถูกพัฒนาให้มีการทำงานที่ดีขึ้น รวมถึงรูปทรงทั้งภายในและภายนอกที่ลงตัวส่งผลให้กระแสความนิยมพุ่งสูงขึ้น เป็นประวัติการ เมื่อเวลาเดินทางมาถึงช่วงที่ต้องเปลี่ยนถ่ายโมเดลในปี 2011 บริษัท Mercedes Benz จึงปล่อยสปอร์ตโรสเตอร์ SLK ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบใหม่ล่าสุดที่ทนทานต่่องแรงบิดมากขึ้น พร้อมภายในที่มี DNA ของ SLS AMG Gullwing ประดับอยู่แทบจะทุกจุด
เมื่อมองดูให้ดีจะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงใน SLK เวอร์ชั่น 3 อย่างชัดแจ้ง กระจังหน้า ชุดสปอยเลอร์หน้า ไฟหน้า ฝากระโปรงเวอร์ชั่นที่ 3 ตามออกมาด้วยรูปลักษณ์ที่เฉียบคมมากยิ่งขึ้น ทุกอย่างในรถสปอร์ตสองที่นั่งรุ่นใหม่ล่าสุดถูกทำให้ดุดันกว่าเดิม รวมถึงและแก้มข้างถูกดีไซน์ใหม่เข้ามาแทนที่ของเดิมโดยใช้เส้นสันที่คมมาก ขึ้น ลบภาพลักษณ์ที่พริ้วไหวของรุ่นที่แล้วลงอย่างสิ้นเชิง ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ซีนอน อยู่ในกรอบพลาสติกโพลิเมอร์ใส หลอดไฟเลี้ยวภายในแบบ LED รวมถึงไฟหรี่ Daytime-Runing ก็ยังคงใช้หลอด LED ตามกฎหมายของยุโรปที่บังคับให้รถทุกบริษัทต้องติดตั้งชุดไฟหรี่แบบนี้มาจาก โรงงาน กระจังหน้าที่เคยเป็นชิ้นเดียวกันกับฝากระโปรงในรุ่นที่แล้ว พอมาถึงรุ่นนี้กลับถูกแยกส่วนออกจากกันอย่างชัดเจนตามการออกแบบที่เน้นให้ ชุดกระจังหน้า มีขนาดใหญ่ พร้อมตราสัญลักษณ์รูปดาวสามแฉก ส่งผลให้มุมมองด้านหน้าของ SLK เวอร์ชั่น 3 ดุดันขึ้นมาก ฝากระโปรงหน้าถูกดีไซน์โดยใช้การยกสันนูนขึ้น แสงเงาที่ตกกระทบกับฝากระโปรงหน้าจึงช่วยเน้นมิติของแนวเส้นขนาน สปอยเลอร์หน้าสอดรับกับแนวของกระจังได้ดี ค่าย Mercedes Benz ยังคงใช้ตะแกรงพลาสติกสีดำทรงรังผึ้งมาประดับอยู่ภายในชุดกระจังและ สปอยเลอร์ ช่องรับอากาศเข้าของตะแกรงทรงรังผึ้งดังกล่าวนำอากาศที่ปะทะด้านหน้าไประบาย ความร้อนให้กับเครื่องยนต์และชุดเบรคหน้าอย่างชาญฉลาด
แนวตัวถังด้านข้างเรียบลื่น มีเพียงเส้นคมๆของช่องระบายอากาศทีี่แก้มข้างบังโคลน ออกแบบได้ดี บานประตูขนาดใหญ่ เข้าออกจากตัวรถได้สะดวกแม้มันจะมีมิติตังถังที่เตี้ยกว่ารถซีดาน กระจกมองข้างมีหลอดไฟเลี้ยว LED สีขาว ย้ายมาติดอยู่กับบานประตู เสาหน้าเอนรับกับแนวของกระจกบังลมบานหน้าในองศาที่มากกว่าปกติตามสไตล์ของ Roadster สองที่นั่งซึ่งเน้นความเพียวลม Roll-Over Bar หลังพนักพิงศีรษะออกแบบได้ดี เสาหลังโค้งไล่แนวสอดรับกับเสาด้านหน้าตามลักษณะของรถหลังคาแข็งแบบพับได้ ทรงหลังคงยังคงดูคล้ายกับรุ่นที่แล้ว หลังคากระจกแบบ Prnoramic Vario-Roof เปิด-ปิดด้วยกลไกจากมอเตอร์ไฟฟ้า Electrohydraulic จะแปลงโฉมจากสปอร์ตคูเป้ไปเป็นสปอร์ตเปิดประทุนภายในเวลาประมาณ 20.03 วินาที กลไกการพับ จุดยึดเชื่อมต่อออกแบบใหม่หมดให้มีความแข็งแรงมากขึ้น หลังคากระจกแบบ  Prnoramic Vario-Roof ยังสามารถปรับแสงได้ด้วยสวิชท์ควบคุม Magic Sky Control สำหรับการปรับกระจกให้เข้มขึ้นในวันที่มีแสงแดดจัด อุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือชุดกันเสียงลมและลดกระแสลมหมุนวนภายในห้อง โดยสาร Airguide ประดิษฐกรรมทางไดนามิกส์ชิ้นล่าสุดที่ช่วยป้องกันลมหมุนวนภายในห้องโดยสาร ขณะที่ตัวรถกำลังเคลื่อนที่ อุปกรณ์ชิ้นดังกล่าวเป็นแผ่นพลาสติดใสติดตั้งอยู่หลังโรลบาร์แบบ Roll-Over ใกล้กับพนักพิงศีรษะ
บั้นท้ายโป่งออกเล็กน้อยบริเวณซุ้มล้อหลัง สอดรับกับรูปทรงด้านข้างอย่างลงตัว ไฟท้ายเลนส์พลาสติกสีแดง-ขาวใชหลอด LED มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้เข้ากับแนวโค้งมนของฝากระโปรงหลัง เมื่อพับเก็บหลังคายังคงมีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระมากขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว เล็กน้อย ฝาท้ายมีไฟเบรคดวงที่ 3 ออกแบบโดยใช้แถบไฟ LED ทรงบางสีแดงขนานไปกับบานของฝาท้ายตรงบริเวณกึ่งกลาง รุ่น SLK200/ SLK250 มีท่อระบายไอเสียแบบเหลี่ยม ส่วนรุ่นสูงขึ้นมาอีกนิด SLK350 เครื่องยนต์ V6 ใช้ท่อระบายทรงสี่เหลี่ยม 2 ท่อวางตัวอยู่ตรงมุมชายล่างทั้งด้านซ้ายและขวาของสปอยเลอร์หลัง
ห้องโดยสารแบบสองที่นั่งของ SLK R172 ถูกปรับให้ดูสุภาพขึ้น คอนโซลกลางมีรูปแบบการจัดวางอุปกรณ์รวมถึงการใช้วัสดุคล้ายกับสปอร์ตซุป เปอร์คาร์รุ่น SLS AMG Roadster ทั้งการใช้อลูมินัมอัลลอยมาทำเป็นขอบชิ้นงานของชุดคอนโซลกลาง ปุ่มปรับอุณหภูมิ ชุดเครื่องเสียงและปุ่มมัลติฟังก์ชั่นควบคุม-ปรับแต่งการทำงานของบางระบบ วัสดุภายในเน้นความหรูหราตามแบบอย่างของบริษัท Mercedes Benz ซึ่งมีวัฒนธรรมการออกแบบภายในเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง หนัง อลูมิเนียม พลาสติก ผ่านงานดีไซน์ที่เข้มข้นเพื่อทำให้งานตกแต่งห้องโดยสารของ SLK โมเดลล่าสุดออกมาเทียบเคียงหรือเหนือกว่ารถคู่แข่งอย่าง BMW Z4e89 / Audi TT Roadster หรือแม้แต่ Porsche Boxster ช่องแอร์แบบทรงกลม วงพวงมาลัยสามก้านพร้อมแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ที่ด้านหลังคอพวงมาลัย เบาะแบบบักเกตซีสตัดเย็บด้วยหนังแท้คุณภาพสูง แป้นเบรค คันเร่งและที่วางเท้าเป็นงานอัลลอยเจาะรูสวยงาม กาบบันไดอลูมิเนียม แผงประตูหุ้มหนังแท้ มาตรวัดแบบทรงกระบอกล้อมกรอบด้วยงานพลาสติกโครเมี่ยมสีเงิน มีจอแจ้งข้อมูล Multi Display จอมัลติฟังก์ชั่นที่คอนโซลกลางทำงานด้วยการส่ังงานบนสวิชท์แบบ I-Drive ทรงกลมสีเงินใกล็กับซุ้มเกียร์ออโต้ พนักเท้าแขน ช่องเก็บของและที่วางแก้ว
ระบบรักษาความปลอดภัยของตัวรถในระดับราคากว่า 4 ล้านบาทมีมาให้อย่างครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยทั้งคนนั่งและคนขับ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ระบบ Per-Safe ระบบ Adaptive Brake ระบบไฟอัตโนมัติแบบ Intelligent Light-System ระบบ Distronic Plus Incl.Safe Brake ระบบ Active Bonnet ระบบ Attention Assist ระบบ Speed Limit Assist ระบบ Neck-Pro Head Restraint และระบบแอร์แบคบริเวณศีรษะซึ่งติดตั้งอยู่ในพนักพิงใกล้กับ Roll-Over Bar รวมถึงระบบรักษาเสถียรภาพของตัวรถกับระบบป้องกันล้อล็อกและชุดช่วยเพิ่มแรง เบรค
รถสปอร์ต SLK มีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อยคือ SLK200 / SLK250 / SLK350 ส่วนรุ่นแรงสุด SLK55 AMG และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลจะตามออกมาภายในปี 2012-2013 นี้ รุ่น SLK200-250 ใช้เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 กระบอกสูบติดตั้งระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ มีกำลังแรงพอสมควรในการสร้างการขับขี่ที่คล่องแคล่วว่องไวพอสมควรสำหรับการ ใช้งานในเมืองรวมถึงการขับขี่ทางไกลก็มีย่านกำลังพอที่จะทำความเร็วในระดับ 180-210 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างสบายๆ ระบบส่งกำลังแบบ 7-G Tronic Plus ทำงานด้วย ECU สมองกลไฟฟ้าที่มีหน่วยประมวลผลรุ่นก้่าวหน้า รถ SLK รุ่นล่าสุดมีฐานล้อแบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ถูกขยายให้กว้างขึ้นมากกว่าเดิมอีก 33 มิลลิเมตรและยาวขึ้นอีก 31 มิลลิเมตร ส่วนความสูงเพิ่มขึ้นอีก 15 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มเติมการควบคุมที่ดีในทุกสปีดความเร็ว ทั้งรุ่น SLK200 และ SLK250 ใช้เทอร์โบแบบแปรผันคอยอัดอากาศเข้าท่อร่วมไอดี กำลัง 181 แรงม้าพร้อมแรงบิด 199 ปอนด์ฟุตของรุ่น SLK200 อยู่ในระดับที่สมดุล ส่วนรุ่น SLK250 มีม้าให้ใช้งานมากขึ้นที่ 201 ตัวกับแรงบิดสนุกๆที่ 229 ปอนด์ฟุต ทำให้มันปราดเปรียวมากในกลุ่มรถ Roadster เปิดหลังคา ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านสีเงิน รุ่น SLK200 ใส่ล้อขนาด 17 นิ้ว ยาง Continental รุ่น Contisport ขนาด 225/45/R17ทั้งสี่ล้อ ส่วนรุ่น SLK250 คันทดสอบใช้ล้อลาย 5 ก้านของ AMG ขนาด 18 นิ้ว ยาง Dunlop Direzza Dz101ขนาด 245/45/R18 ช่วงล่างแบบสปอร์ต กับชุดแต่งของ AMG รอบคัน
รุ่นสูงสุด SLK350 วางเครื่องยนต์แบบ V6 ปริมาตรความจุ 3.5 ลิตร 306 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที SLK ใหม่รหัส R172 ทุกรุ่นจะมีเครื่องยนต์ที่จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กทรอนิกส์แบบจ่าย ตรงหรือ BlueDIRCET ติดตั้งหัวฉีดแบบ Piezo Injectors และ Multi-Spark Ignition ส่งผลให้เครื่องยนต์ตั้งแต่ 1.8-3.5 ลิตร ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไวในทุกความเร็วรอบด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่หลังวง พวงมาลัย Steering-Wheel Gearshift-Paddles สมรรถนะในการทำความเร็วของรุ่น SLK350 อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 5.6 วินาที ความเร็วปลายคันเร่งที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ล็อกความเร็วอัตโนมัติ)
บริษัทนำเข้ารถยนต์อิสระ TSL ผู้นำเข้ารถ Mercedes Benz SLK250 เรียนเชิญสื่อมวลชนร่วมลงทำการทดสอบ Mercedes Benz SLK250 AMG ในสนามแข่งรถโกคาร์ทมอเตอร์สปอร์ตแลนด์ แดนเนรมิต โดยการทดสอบสมรรถนะของตัวรถรุ่น SLK250 ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่บริษัทแห่งนี้จัดให้มีการ ทดสอบรถ Sport Roadster รุ่นเล็กสุดของค่ายตราดาว สนามทดสอบถูกออกแบบให้ใช้ความเร็วได้ไม่สูงนัก เป็นการขับแบบซิกแซกเพื่อทดสอบการตอบสนองของระบบรองรับและชุดบังคับเลี้ยว พละกำลังในช่วงต้นของเกียร์ 1-2 รวมถึงการทดสอบระบบห้ามล้อในระยะกระชั้นชิดอีกด้วย ช่วงบ่าย 2 โมงของวันที่ 14 มิถุนายน 2554 ผมได้มีโอกาสลองขับเจ้าสปอร์ตตัวเล็กทรงสวยสีแดงแสบตาคันนี้ท่ามกลาง อุณหภูมิที่ร้อนถึง 35 องศา
เมื่อเข้าไปนั่งภายใน Cockpit ของเจ้า SLK250 สี Designo Zircon Red แดงแป้ดแสบตา จะพบกับงานออกแบบภายในห้องโดยสารของ Benz ที่ดูคุ้นตา มาตรวัดทรงกระบอกดูคลาสสิกมากกว่ารุ่นที่แล้ว วงพวงมาลัยสามก้านจับได้ถนัดมือดี ตำแหน่งการนั่งขับและระดับของพวงมาลัยสามารถปรับได้อย่างละเอียด ผมปรับตัวเบาะโดยกดให้จมลงไปจนสุดเพื่อรองรับการขับเข้าโค้งด้วยความเร็วที่ มากกว่าปกติ ท่านั่งแบบจมลึกในรถ Roadster จะช่วยลดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางหรือแรงจีได้ดี หัวเกียร์ 7 G Tronic หุ้มถุงหนังแท้สีดำยังคงมีรูปแบบการเข้าตำแหน่งเกียร์คล้ายกับเจ้า C-Class โมเดลปัจจุบัน ปุ่มมัลติฟังก์ชั่นทรงกลมอยู่ถัดมาเล็กน้อยใกล้กับก้านเกียร์ แต่ไม่มีโอกาสได้ลองหมุนปรับเพื่อเข้าเมนูดูการทำงานเนื่องจากเวลาอันน้อย นิดที่ทาง TSL ให้สื่อมวลชนขับขี่กันแค่คนละ 2 รอบสนาม (ประมาณระยะทางได้แค่ 1 กิโลเมตรกว่าๆเท่านั้น) มุมมองตอนปิดหลังคากระจกแบบ Panoramic Sunroof มีรูปแบบคล้ายกับกำลังนั่งอยู่ในสปอร์ตคูเป้คันแรง กระจกหน้าให้มุมมองที่เปิดกว้าง แต่ด้านหลังที่ต้องมองผ่านกระจกมองหลังดูอับทึบอยู่บ้าง จากลักษณะและรูปแบบของตัวรถ
ผมลองกดคันเร่งออกตัวอย่างรวดเร็ว เจ้า SLK250 สีแดงพุ่งออกไปแบบเรียบๆไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนการออกตัวของ MINI Cooper S Convertible หรือแม้แต่ Porsche Boxster ที่ให้อารมณ์กระชากกระชั้นช่วงออกตัวด้วยเกียร์ 1ได้มากกว่า อาจเป็นเพราะน้ำหนักตัวของมันที่มากกว่าสปอร์ตคาร์คู่แข่งทั้งสองยี่ห้อ เมื่อขับพ้นทางโค้งช่วงออกตัวมาได้นิดเดียว ก็จะพบกับกรวยยางไพล่อนเพื่อให้หักพวงมาลัยหลบไปมา อาการของ SLK250 ในระหว่างการมุดหน้ารถเข้าหากรวยยางออกไปในแนวเป็นกลางจากการกระจายน้ำหนัก ที่ดีเยี่ยม ไม่มีอาการการย้วยของช่วงล่างให้เห็น แต่ย่านกำลังในช่วงรอบต้นถือว่ายังต่ำไปนิดและต้องคอยเติมคันเร่งเพื่อรักษา ระดับของความเร็วอยู่ตลอดในระหว่างมุดซ้าย-ขวา
พวงมาลัยไฟฟ้าสื่อสารได้ดีในระดับที่น่าพอใจ การยึดเกาะของช่วงล่างและยางคงวัดอะไรไม่ได้มากนักโดยเฉพาะยาง Dunlop ที่โดนโค้งแคบๆเล่นงานเสียจนกริ้ปแทบหายไป การขับทดสอบจำนวนสองรอบก็สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว โดยที่ผมยังไม่สามารถจับอาการของรถได้มากเท่าที่ควร เนื่องจากมีพิธีกรของรายการรถยนต์รายหนึ่งที่ออกอากาศตามเคเบิ้ลทีวี ซึ่งผมได้ทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนเช้าว่า นายคนนี้เอารถทดสอบออกไปขับเล่นตลอด แถมยังอัดเจ้าสปอร์ตคันงามอย่างไม่ยั้งมือจนบางระบบเริ่มรวนเช่น ตำแหน่งของการเลื่อนคันเกียร์ที่แข็งผิดปกติ ระบบ Start-Stop หยุดทำงานเนื่องจากเครื่องยนต์ร้อนจัดจน ECU สั่งให้เครื่องยนต์ติดตลอดเวลาเพื่อให้พัดลมไฟฟ้าหน้าเครื่องระบายความร้อน ที่เกิดขึ้น ตอนแรกผมยังไม่เห็นด้วยสายตาของตัวเองก็รู้สึกเฉยๆ แต่ช่วงบ่ายของวันทดสอบหลังจากผมได้ลองขับแค่ช่วงสั้นๆ ก็ได้เห็นพฤติกรรมนั้นอย่างเต็มตา
น่าเสียดายหากทาง TSL น่าจะเพิ่มโอกาสและช่วงเวลาในการขับทดสอบรถ SLK250 ให้กับสื่อมวลชนได้มากกว่านี้ ผมคงจะเขียนบรรยายถึงสมรรถนะของเจ้าสปอร์ตตัวเจ็บได้เยอะกว่านี้มาก รวมถึงการจัดงานทดสอบครั้งนี้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องไปพึ่งพาหรือว่า จ้างบริษัทอื่นๆให้เข้ามาดำเนินงานแทนเนื่องจากเป็นการทดสอบสั้นๆในสนามแข่ง รถขนาดเล็กมาก ไม่ได้ขับออกไปเป็นขบวนตามเส้นทางภูเขาที่ต้องวางแผนงานกันมากกว่าการทดสอบ ในสนามโกคาร์ทแบบนี้ เวลาที่เหลืออยู่อาจทำให้สื่อสารมวลชนสายยานยนต์ของแต่ละสำนักสามารถขับ ทดสอบกันได้อย่างถึงแก่นมากกว่าที่ผ่านมา ส่วนข้อมูลของ Mercedes Benz SLK250 ที่หลายๆท่านอยากทราบก็คงต้องไปถามพิธีกรท่านนั้นเอาเองเนื่องจากได้ขับมาก ที่สุดในสนาม ซึ่งผมว่าตั้งแต่เช้าจรดบ่ายไม่น่าจะต่ำกว่า 25 รอบอย่างแน่นอน.
Mercedes Benz SLK250 Specification

แบบ.......................................สปอร์ตเปิดประทุนสองที่นั่ง
ผู้ผลิต......................................Mercedes Benz AG เยอรมัน
ผู้นำเข้า...................................บริษัท TSL Auto Corporation
เครื่องยนต์..............................เบนซินแถวเรียง 4 กระบอกสูบ
วาว์ล...................................... 4 วาว์ล ต่อสูบ =16 วาว์ล
อัตราส่วนกำลังอัด...................9.3:1
ปริมาตรความจุ.......................1796 ซีซี
ระบบอัดอากาศ.......................เทอร์โบเดี่ยวแบบแปรผัน
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง.................. Electronically Controlled Direct Injection
แรงม้าสูงสุด.............................204 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด............................310 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,300 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง....................................0-100 กิโลเมตรใน 6.63 วินาที
ความเร็วสูงสุด..........................241.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบสังกำลัง............................เกียร์อัตโนมัติแบบ 7G-Tronic Plus
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง......18.2 กิโลเมตร/ลิตร
ปริมาณการปล่อย CO2...153 กรัมต่อ1 กิโลเมตร
ปริมามาตรความจุถังเชื้อเพลิง....68 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ..............................1,500 กิโลกรัม
มิติตัวถัง
ความกว้าง..................................1,810 มิลลิเมตร
ความยาว....................................4134 มิลลิเมตร
ความสูง......................................1301 มิลลิเมตร
ราคา...........................................4,590,000 บาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น