วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ใหม่เพริศ เสริมภาพลักษณ์เฉียบทุกมุมมอง

Pic_212827
ช่วงวิกฤติน้ำท่วมขณะนี้

ทำให้หลายคนนึกถึงรถกระบะ โดยเฉพาะรถกระบะยกสูงทั้งขับเคลื่อน 4 ล้อ และ 2 ล้อหลัง รวมทั้งบรรดารถสปอร์ตอเนกประสงค์ (เอสยูวี)

เพราะ ยังพอจะลุยฝ่าน้ำท่วมเอาตัวรอดได้ ขณะที่หากเป็นรถเก๋ง โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งรวมทั้งอีโคคาร์ ดูแล้วน่าหวาดเสียวไม่น้อย มีสิทธิ์จะจมน้ำ

ด้วยเหตุที่วิกฤติน้ำท่วมหนนี้ดูน่ากลัวไม่น้อย

โดยหนึ่งในรถอเนกประสงค์ที่น่าสนใจในสถานการณ์ขณะนี้ มียอดขายจัดจ้านมาแรง ก็คือ “โตโยต้า  ฟอร์จูนเนอร์ใหม่”

เนื่องจากค่ายโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เพิ่งจะเข็นรถฟอร์จูนเนอร์ใหม่ออกมาลุยตลาดเมื่อเร็วๆนี้เอง

โดย เป็นการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่แบบบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ ทำให้แม้จะไม่ได้เปลี่ยนโฉมใหม่หมดจด แต่ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนไม่น้อย จึงเพิ่มความสดใหม่เป๊ะเลย!!

พร้อมชูสโลแกนสุดเท่ว่า “Above & beyond” หรือ “เหนือใครในทุกมุมมอง”

เพิ่มความโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์สมาร์ทล้ำสมัย จากหัวจดท้าย สะท้อนภาพลักษณ์อันโดดเด่น กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่เพิ่มความหรู

สะดุด ตาด้วยช่องดักลมฝากระโปรงหน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวและมือจับประตูข้างแบบโครเมียม มีแร็กหลังคา สปอยเลอร์หลังใหม่พร้อมไฟเบรก แผงเปิดประตูท้ายสไตล์หรู กันชนท้ายดีไซน์ล้ำ ไฟหน้า-ไฟท้ายใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

ห้องโดยสารหรูหรา ด้วยสีทูโทน ดีไซน์สปอร์ต พร้อมแผงคอนโซลลายไม้ดีไซน์ใหม่ พวงมาลัยหุ้มหนัง ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ โดยเบาะที่นั่งสามารถปรับได้หลากหลาย มีช่องเก็บของสารพัน

มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความบันเทิงครบครัน

เครื่อง ยนต์ ดีเซลอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีล่าสุด “Diamond Tech” เรียนรู้การฉีดจ่ายน้ำมันด้วยความแม่นยำสูง ช่วยประหยัดน้ำมัน ตอบสนองอัตราเร่งดีเยี่ยม ระบบเทอร์โบแปรผัน “VN Turbo” แรงต่อเนื่องทุกความเร็วรอบ

มีทั้งขนาด 2.5 ลิตร และ 3.0 ลิตร ทั้งยังมีเครื่องเบนซิน 2.7 ลิตรอีกด้วย

แถมยังมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ

สนนราคารุ่นเครื่องดีเซล 2.5 ลิตร ราคา 1.059 ล้านบาท ส่วนรุ่น 3.0 ลิตร ระหว่าง 1.319-1.501 ล้านบาท

และรุ่นเครื่องเบนซิน 2.7 ลิตร ราคา 1.219 ล้านบาท

น่าสนใจไม่น้อย!!!
อัลคาโปน
motorwars@thairath.co.th

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

4 เอกลักษณ์ของยนตรกรรม CHEVROLET

Pic_212532
ตำนานความแรงของ Sport Car Chevrolet ที่ทุกคนทั่วทุกมุมโลกรู้จักกันดี มีมายาวนานกว่า 40 ปี ขณะนี้ตำนานความยิ่งใหญ่ดังกล่าว จะถูกสานต่อด้วยการพัฒนา และออกแบบยนตรกรรมที่มีความยิ่งใหญ่...

100 ปีที่ผ่านมา Chevrolet ได้สร้างสรรค์งานออกแบบ ออกมาประดับหน้าประวัติศาสตร์ยานยนต์โลกไว้มากมาย เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในทั่วทุกมุมโลก ด้วยความมุ่งมั่นที่จะออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายยานยนต์ระดับโลกที่ดีที่สุด สะท้อนออกมาเป็นตัวอย่างของรถยนต์ในระดับตำนาน ทั้ง Chevrolet Corvette Stingray Coupe รุ่นปี 1963 Chevrolet Camaro รุ่นปี 1969 Chevrolet Volt รุ่นปี 2011 และ Chevrolet Camaro ZR1 รุ่นปี 2012 สุดยอด 4 ยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และมีการออกแบบอันโดดเด่นก้าวล้ำ ดึงดูดทุกสายตาบนท้องถนน


Chevrolet Corvette Stingray Coupe 1963
Chevrolet Corvette Stingray Coupe ปี 1963 เป็นรถสปอร์ตที่มีกระจกบังลมหลังแบบแยกส่วน หรือ "Split-Window" ทำให้มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและล้ำสมัย สร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือของบิล มิทเชลล์ หัวหน้านักออกแบบของ GM จนได้รับการขนานนามว่า เป็นที่สุดของรถอเมริกันที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ให้แก่ผู้พบเห็นในขณะนั้น ภายใต้รูปทรงที่ยอดเยี่ยม Chevrolet Corvette Stingray Coupe 1963 มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนล้อหลังแบบอิสระ และระบบฉีดเชื้อเพลิงส่งไปยังเครื่องยนต์ขนาดเล็ก V8 ที่ทรงพละกำลัง นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน อาทิ ระบบปรับอากาศภายในรถ เบาะที่นั่งหุ้มหนัง และระบบวิทยุ AM/FM รถ Chevrolet Corvette Stingray Coupe ได้รับการพัฒนาเป็นเจนเนอเรชั่นที่สอง ในปี 1967 แต่รุ่นคูเป้ ปี 1963 นี้ ได้รับการยอมรับให้เป็นที่สุดของการออกแบบรถสปอรต์ ที่มีกระจกบังลมหลังแบบแยกส่วน หรือ "Split-Window" จุดเด่น : ช่องรับอากาศบนฝากระโปรง กระจกหลังแบบที่ถูกแยกส่วนโดยเส้นสายจากหลังคา ซึ่งพาดไปถึงฝาปิดถังน้ำมัน รูปธงตราหมากรุกไขว้บนฝากระโปรงหลัง สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะของสปอร์ตคาร์ในตระกูล Corvette ได้อย่างหมดจด และงดงาม

Chevrolet Camaro 1969
Chevrolet Camaro รุ่นปี 1969 ถือว่าเป็นตัวแทนเจนเนอเรชั่นแรกของคามาโร ที่ผลิตขึ้นในปี 1967-1969 ซึ่งประสบความสำเร็จ และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในขณะที่ Chevrolet Camaro รุ่น Z28 ที่มาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ V8 302 cid ได้ลงแข่งขันในรายการทรานสแอมนั้น Chevrolet Camaro รุ่น ZR1 ได้นำเสนอเครื่องยนต์อะลูมิเนียม 427 ซึ่งมีเสียงดังกังวานราวเสียงฟ้าร้อง นักสะสมหลายท่านให้คำนิยามแก่ Chevrolet Camaro ปี 1969 ว่า เป็นที่สุดแห่งการออกแบบในเจนเนอเรชั่นแรกของ Chevrolet Camaro นอกจากนั้น มร.เอ็ด เวลเบิร์น รองประธานฝ่ายออกแบบของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ยังชื่นชอบ และเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้ ทั้งยังใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเพื่อก้าวไปข้างหน้าของ Chevrolet Camaro ในอนาคตอีกด้วย จุดเด่น : ซุ้มล้อทรงสี่เหลี่ยม รับกับสันขอบด้านข้างตัวรถ พร้อมฝาปิดกรอบไฟหน้าทรงดุดัน สำหรับรุ่นสปอร์ต RS


Chevrolet Volt 2011
หัวใจ ขับเคลื่อนของ Chevrolet Volt ก้าวล้ำหน้าด้วยระบบไฟฟ้าโวลเทค ผสมผสานการทำงานระหว่างพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และเครื่องยนต์ขนาดเล็ก Volt ขับเคลื่อนไปได้ระยะทางถึง 52 กิโลเมตรโดยปราศจากการใช้น้ำมันแม้หยดเดียว และยังสามารถขับเคลื่อนไปได้ไกลอีกมากกว่า 500 กิโลเมตรจากเครื่องยนต์ขนาดเล็ก Chevrolet Volt ถือเป็นรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นเดียว ที่ผลิตและจำหน่ายจริงเป็นจำนวนมากในสหรัฐฯ จุดเด่น : ตกแต่งด้วยกระจกสีดำบริเวณด้านล่างของกระจกบังลมข้าง เพิ่มความล้ำสมัยพร้อมช่องชาร์จไฟทรงกลม บริเวณเหนือซุ้มล้อด้านผู้ขับขี่ ขณะที่ด้านท้ายรถก็ทันสมัยเช่นกันด้วยการใช้กระจกสีดำพร้อมโลโก้โบไท และตัวอักษร Volt


Chevrolet Camaro ZR1 2012
ตำนาน ความแรงของ Chevrolet Camaro ที่ทุกคนทั่วทุกมุมโลกรู้จักกันดี มีมายาวนานกว่า 40 ปี ขณะนี้ ตำนานความยิ่งใหญ่ดังกล่าวจะถูกสานต่อด้วยการพัฒนา และออกแบบยนตรกรรมที่มีความยิ่งใหญ่ Chevrolet Camaro ZR1 ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำเชฟโรเลตก้าวสู่ศตวรรษที่สอง พร้อมประกาศความยิ่งใหญ่ของการเป็นสุดยอดยนตรกรรมแห่งศตวรรษได้อย่างเต็ม ภาคภูมิ Chevrolet Camaro ZR1 วางเครื่องยนต์แบบ V8 ตามยาว ที่ด้านหน้า ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังที่ให้กำลังสูงสุดถึง 550 แรงม้า บนรูปแบบของ Sport GT ตัวกลั่น ซึ่งมีประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อการตอกย้ำความสำเร็จในหน้าประวัติศาสตร์ยานยนต์ของ Chevrolet ต่อไปในอนาคต จุดเด่น : ดุดันด้วยฝากระโปรงหน้าอลูมิเนียม พร้อมช่องดักลมคาร์บอนไฟเบอร์ ล้อผลิตจากวัสดุโลหะเนื้อฟอร์จขนาด 20 นิ้ว และยางระดับซูเปอร์คาร์ของกู๊ดเยียร์ สะดุดทุกสายตาที่โคมไฟหน้า LED ทรงวงแหวน

Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com//chang.arcom

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

BENTLEY CONTINENTAL GT 2011

Pic_212283
รูปลักษณ์ภายนอกที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและการออกแบบที่สวยงาม ห้องโดยสารผสมผสานงานฝีมือชิ้นเอก ที่รวมทั้งความประณีตและความร่วมสมัยเข้าไว้ด้วยกัน ขุมพลังเครื่องยนต์W12 (FlexFuel) และเครื่องยนต์ V8 รุ่นใหม่ที่พัฒนามาเพื่อความคล่องตัว ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยมรวมอยู่ในความสมบูรณ์แบบของ Bentley Continental GT 2011...

บริษัท AAS Auto Service ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Bentley อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจัดงานเปิดตัวสุดยอดยนตรกรรมจาก แดนผู้ดีที่สุดของความสมบูรณ์ใหม่ New Bentley Continental GT ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมเรเนซองส์ ย่านราชประสงค์ ภายใต้ชื่องาน Exclusive Launch of The New Bentley ContinentalGT ตามคอนเซปต์ An unbroken line ที่สะท้อนถึงนวัตกรรมและการออกแบบเส้นสายที่ไม่มีที่สิ้นสุด

New Bentley Continental GT Sport 4 ที่นั่ง Coupe ใหม่ถูกสร้างขึ้นตามรอยแห่งความสำเร็จของรุ่นก่อนที่เต็มไปด้วยจิตวิญญานของ ความเป็นจักรกลแนว Gran Turismo (GT) ทุกประการหากแต่มีรูปลักษณ์ที่มีมาตรฐานสูงขึ้นถูกหลักตามแบบวิศวกรรม หรูหรา เต็มไปด้วยงานฝีมือที่ประณีตประสิทธิภาพการทำงานแบบ Dynamic ที่คล่องตัว New Bentley Continental GT นำเสนอความหรูหราและความสามารถในการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันได้อย่าง ยอดเยี่ยมตามจิตวิญญาณของความเป็น Bentley Grand Touring อย่างแท้จริง

ตัว รถที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ให้มีความสวยงามทำให้ GT Coupe คันนี้เต็มไปด้วยความชัดเจนมากขึ้นและมีรูปลักษณ์ที่ลงตัวจากการปรับโฉมการ ตกแต่งภายในนั้นเต็มไปด้วยความร่วมสมัย ซึ่งนำเสนออีกระดับขั้นที่ดีเยี่ยม ของการออกแบบห้องโดยสารที่สะดวกสบายและความหรูหราที่มาจากงานฝีมือชั้นดี อาทิ เบาะที่นั่งนั้นให้ความสะดวกสบายมากขึ้น และให้ช่องว่างสำหรับที่พักขาทาง ด้านหลังมากขึ้นอีกด้วยรูปแบบแผงควบคุมมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นระบบหน้าจอ สัมผัส Infotainment แบบใหม่ยังให้คุณสมบัติของระบบค้นหาเส้นทางและแผนที่กูเกิล (Google) และความบันเทิงในเทคโนโลยีล่าสุดของลำโพงแบบ Balanced Mode Radiator และเสียงแบบดิจิตอล Dirac Dimensions™ ซึ่งทำให้ได้เสียงที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

ระบบ ลำโพง 11 ตัวจาก Naim เครื่องเสียงชั้นนำที่ดีที่สุดในประเทศอังกฤษโดยเบนท์ลี่ย์ได้สร้างขึ้น เฉพาะสำหรับรุ่น Continental GT ทำการประมวลผลสัญญาณแบบดิจิตอล Dirac Dimensions™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอีกทั้งยังเป็นรายแรกที่สร้าง Sound Field แบบอิสระให้กับลำโพง เพื่อให้ท่านรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์ และเพิ่มความสุนทรีย์ให้แก่ผู้โดยสารทุกท่านไม่ว่าจะนั่งอยู่ที่เบาะไหนก็ ตาม

New Bentley Continental GT รุ่นนี้มีเครื่องยนต์ขนาด 6 ลิตร 12 สูบ ระบบ Powertrain แบบ Twin-Turbocharged ที่เพิ่มกำลังขับออกมาได้ถึง 575PS (567 แรงม้า/423 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 700 นิวตันเมตร (516 ปอนด์ ฟุต) ซึ่งได้มาจากการส่งผ่านเกียร์ที่รวดเร็ว และสามารถลดเกียร์ลงได้สองเกียร์ในเวลาเดียวกัน เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบ FlexFuel ที่ทำให้รถสามารถเติมได้ทั้งน้ำมันเบนซินธรรมดาและเลือกเติมน้ำมันแก๊สโซ ฮอลล์ สูงสุดถึง E85 หรือสามารถเติมผสมทั้งสองชนิดได้เช่นกัน

เครื่อง ยนต์ V8 สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่ปลายปี 2011 เป็นต้นไป และด้วยเครื่องยนต์ตัวนี้ทำให้อัตราการปล่อยมลพิษนั้นลดลงกว่า 40% หากเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์แบบ W12 เลยทีเดียว เครื่องยนต์ทั้งสองแบบจะมีระบบขับเคลื่อนทุกล้อและเพิ่มความสปอร์ตในการขับ ขี่ด้วยการเพิ่มแรงบิดทางด้านหลังมากกว่าในอัตราส่วน 40:60 (เมื่อเทียบกับ 50:50 ของรุ่นก่อน) ช่วยป้องกันการหลุดโค้งได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ภาย ในงาน Exclusive Launchof The New Bentley Continental GT ผู้บริหารบริษัท AAS Auto Service ได้ร่วมแถลงข่าวการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของยนตรกรรมยานยนต์ที่ทำมาจาก ศิลปะที่มีฝีมือยอดเยี่ยมและงดงามพร้อมแนะนำความโดดเด่นของ Bentley ใหม่คันนี้แก่แขกผู้ทรงเกียรติและเหล่าบรรดาเซเลบคนดังจากหลากหลายวงการที่ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่งได้ตื่นตาตื่นใจพร้อมร่วมเฉลิมฉลองความเป็นเลิศใน ด้านวิศวกรรมยานยนต์มากว่า 90 ปีของ Bentley และรวมไปถึง Continental GT จึงทำให้รถคันนี้กลายเป็นตัวแทนของทุกสิ่งในความเป็น Bentley ประสิทธิภาพ ขุมพลังและสมรรถนะของเครื่องยนต์อันน่าทึ่ง การออกแบบที่ดูหรูหราสง่างาม พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครันอย่างไร้ที่ติ

Bentley Continental GT ใหม่ล่าสุดคือยนตรกรรมยานยนต์ที่ทำมาจากศิลปะที่มีฝีมือยอดเยี่ยมและงดงาม ขับเคลื่อนเฉกเช่นซุปเปอร์คาร์ แต่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว รูปลักษณ์การออกแบบนั้นเต็มไปด้วยความร่วมสมัย เพราะฉะนั้นนี่คือรถที่จะทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับทุกๆช่วงเวลาที่คุณ อยู่กับรถคันนี้เลยทีเดียว สำหรับประเทศไทย สามารถค้นหาความงามและความโดดเด่นอย่างหรูหรามีระดับของ New Bentley Continental GT ได้ที่โชว์รูม Bentley อาคารซีทีไอ ทาวเวอร์ ถ.อโศก หรือบริษัท AAS Auto Service ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Bentley อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีม บริการ (Service Teams) ที่มากประสบการณ์พร้อมให้บริการรถ Bentley ของกลุ่มลูกค้าระดับสูงและซื้อรถยนต์ Bentley จากทาง AAS Auto Service เท่านั้นที่สามารถได้สิทธิ์การรับประกันจากโรงงาน Bentley ประเทศอังกฤษ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง โดยรถยนต์ Bentley ที่ซื้อจากทาง AASเท่านั้น ที่จะสามารถเข้ารับบริการจากศูนย์บริการของ AAS Auto Service.

Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ลองขับ"อินโนวา"ไมเนอร์เชนจ์

ลองขับ"โตโยต้า อินโนวา ไมเนอร์เชนจ์" ปรับช่วงล่างรับครอบครัวยุคใหม่!!! เคาะราคา8.44แสน-1.079ล้านบาท
โดย...พิสันต์ อิทธิวัฒนกุล
ปรับตามการไมเนอร์เชนจ์ของปิกอัพมาติดๆ สำหรับรถยนต์ในโครงการไอเอ็มวี ที่โตโยต้าสั่งปรับโฉมวีโก้และฟอร์จูนเนอร์ไปก่อนหน้า ใช้เวลาอีกแป๊บเดียว อินโนวา น้องเล็กร่วมโครงการที่ใช้ฐานการผลิตหลักในอินโดนีเซียก็ทำการตกแต่งหน้าตา พร้อมมาทำการปรับเปลี่ยนในส่วนของช่วงล่างอีกเล็กน้อยในประเทศไทย เพื่อลุยตลาดรถกลุ่มครอบครัวอย่างเต็มที่
จริงๆ แล้วในตลาดเอ็มพีวีนั้นถือเป็นตลาดที่มีคู่แข่งไม่กี่ราย และมีทางเลือกให้กับลูกค้าไม่มากอยู่แล้ว การปรับเปลี่ยนโฉมของอินโนวาในครั้งนี้จึงแทบจะเป็นเหมือนกับการแข่งขันกับ ตัวเอง ว่าจะทำออกมาได้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากน้อยเพียงใด
เริ่มกันที่ภายนอกของตัวรถที่รับมรดกตกทอดมาจากวีโก้ในส่วนของไฟหน้าและ กระจังหน้า ซึ่งทำให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยวขึ้นแต่ดูโอ่อ่าน้อยลง โดยส่วนตัวผมชอบกระจังหน้าของตัวเดิมมากกว่า ในรุ่นท็อปซึ่งนำมาให้ขับทดสอบกันมีการติดตั้งชุดแต่งรอบคัน ทำให้ตัวรถดูบึกบึนขึ้นกว่าเดิม โดยมาพร้อมกับล้อแม็ก 15 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
การตกแต่งภายในก็พยายามปรับให้ดูภูมิฐานมากขึ้นให้สมกับที่เป็นรถยนต์ ครอบครัว มีการใช้ลายไม้ในบางตำแหน่ง สอดรับกับเมทัลลิกที่เลือกมาได้อย่างลงตัว รวมถึงมีการติดจอแอลซีดีระบบสัมผัส 6.1 นิ้ว สำหรับการควบคุมด้านหน้า และจอขนาด 10.2 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
นอกจากนี้ ก็ยังติดตั้งอุปกรณ์ด้านความบันเทิงมาให้สมบูรณ์แบบ รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์บันเทิงภายนอกทั้งหมด ซึ่งใช้งานได้สะดวก ยกเว้นแต่จอทีวีสำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่ดูจะทำความเข้าใจยาก และบดบังทัศนวิสัยทางด้านหลังไปสักเล็กน้อย
เก้าอี้ตอนสองเปลี่ยนมาเป็นเก้าอี้แบบกัปตัน ซึ่งทำให้รถดูหรูหราขึ้นอีกนิด พร้อมช่องเดินตรงกลางที่เชื่อมต่อกับเบาะที่นั่งแถวสาม ซึ่งแน่นอนว่ายังรับดีเอ็นเอการพับแล้วห้อยไว้ด้านข้างมาจากฟอร์จูนเนอร์ เช่นเดิม ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เสียพื้นที่บรรทุกไปพอสมควร
แต่ผู้โดยสารตอนสามไม่ต้องกลัวร้อน เพราะ อินโนวาใหม่มีการติดตั้งระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารในทุกตำแหน่ง ซึ่งเมื่อรวมกับห้องโดยสารขนาดใหญ่โตที่เป็นจุดขายมาตั้งแต่แรก กลุ่มลูกค้าครอบครัวที่ไม่ใหญ่เกินไปน่าจะยังชื่นชอบอยู่พอสมควร
เครื่องยนต์ที่นำเข้ามาทำตลาดในตอนนี้ โตโยต้าเลือกคบกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 100 กิโลวัตต์ พร้อมแรงบิด 182 นิวตันเมตรมา พร้อมทั้งตัดทางเลือกในส่วนของเครื่องยนต์ดีเซล 2500 ซีซี ที่เคยทำตลาดออกไป โดยให้เหตุผลว่ากลุ่มลูกค้าต้องการเครื่องยนต์เบนซินมากกว่า
สัมผัสของการขับขี่ไม่แตกต่างจากที่เคยเป็นมาในอดีตครับ เคยรู้สึกอืดอาดอย่างไร อินโนวาใหม่ก็ยังอืดอาดอยู่อย่างนั้น การทำความเร็วที่ระดับไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ใช่ปัญหา แต่หากต้องการเร่งแซงหรือทำความเร็วให้สูงขึ้น จังหวะและการรอเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ต้องระลึกอยู่ตลอดเวลา
แต่สิ่งที่ปรับขึ้นมาดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ก็คือระบบช่วงล่างที่ทำการปรับในส่วนของโช้กอัพ ทำให้ตัวรถมีความนุ่มนวลเหมือนเดิม แต่ให้ความมั่นคงในการขับขี่เพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากช่วงล่างเดิมที่เน้นนุ่มย้วยจนน่ากลัว เรียกว่าที่ความเร็วสูงนั้น อินโนวาใหม่ไม่ก่อให้เกิดความหวาดเสียวเหมือนรุ่นเดิม
ระบบเบรกให้อารมณ์ที่ไม่แตกต่างจากการขับรถปิกอัพดีๆ สักคัน แม้จะไว้ใจได้ แต่ก็ยังดูเบรกแบบกระโชกโฮกฮากเล็กน้อย ถ้าชอบรถที่กดเบรกแล้วเบรกทันทีน่าจะชอบ แต่เมื่อมองในมุมของการเป็นรถยนต์ครอบครัวแล้ว อาจจะไม่ต้องเบรกดังกึกขนาดนี้ก็ได้เหมือนกัน
อินโนวามีให้เลือก 4 รุ่น แตกต่างกันที่ระบบเกียร์ที่มีให้เลือกอัตโนมัติ 4 สปีด หรือธรรมดา 5 สปีด และอุปกรณ์ตกแต่งทั่วไป มาพร้อมสีตัวถังภายนอกยอดนิยม 3 สี ประกอบด้วย สีขาว สีเงิน และสีดำ เคาะราคาจำหน่ายไว้ตั้งแต่ 8.44 แสน–1.079 ล้านบาท โดยในปีแรกมีโควตาสำหรับประเทศไทยตามเป้าหมายการจำหน่าย 4,000 คัน
ถ้ามองหารถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวสักคัน อยากได้รถที่มีอุปกรณ์ครบถ้วนไม่ต้องไปหาติดตั้งเพิ่มภายนอก เครื่องยนต์พอรับได้ แต่เหนื่อยหน่อยเวลาวิ่งทางไกลๆ ระบบช่วงล่างที่นุ่มเนียน อินโนวาก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้
โตโยต้าบอกว่าเปิดรับความสุขได้ไม่อั้นกับโตโยต้า อินโนวา ส่วนซื้อไปใช้แล้วจะสุขจริงหรือไม่ คงต้องไปลองดูกันเอง!!!

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

New! Chevrolet Colorado ...ครบเครื่องทุกอรรถรส กับกระบะจากประสบการณ์ 100 ปี

ในช่วงนี้ที่พวกเรา หลายคนทั้งคนเมืองกรุงและคนต่างจังหวัดต่างได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมนั้น หลายคนนั้นอาจจะเริ่มคิดถึงรถกระบะที่สามารถให้สมรรถนะการขับขี่ที่ตอบโจทย์ ในเรื่องการลุยได้มากขึ้น ที่ไม่นับความสามารถที่ล้นเหลือและการออกแบบที่ดีขึ้นจนรุ่นใหม่มีราคาสูง สุดเกือบเหยียบล้านบาทกันเลยทีเดียว
รถกระบะรุ่นใหม่ที่มีการแข่งขันกันมากในตลาดในปัจจุบันและหลังจากที่มี การเปิดตัวไปอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Chevrolet Colorado ใหม่ ก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองกับหนทางทดสอบสมรรถนะท่ามกลางขุนเขาที่จัหวัด เชียงรายกัน
Testdrive  New! Chevrolet Colorado
งานนี้ Chevrolet พาเราบินตรงสู่เชียงราย จนโดนแซวไปตามๆกัน ว่า ทริปนี้เป็นทริปพานักข่าวยานยนต์หนีน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร และหลังจากที่ใช้เวลาเดินทางโดยสายการบินแห่งชาติของคนไทย เราก็ทัชดาวน์ พร้อม ลอง/ลุย/ดี กับกระบะเชฟวี่ใหม่

ภายนอกดุดันบ่งบอกอเมริกันแท้

ตั้งแต่ที่ได้เจอตัวเป็นๆใน งานเปิดตัวเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานั้น เราก็ค่อนข้างที่จะมีความประทับใจในเส้นสายการออกแบบของ New! Chevrolet Colorado ใหม่ ที่เน้นหนักในความเป็นกระบะอเมริกันออกมาอย่างชัดเจนมากขึ้นจากรุ่นเดิมและ ครั้งนี้เชฟวี่เน้นหนักในการถ่ายทอดความแข็งแกร่งดุดันมาอย่างเปี่ยมล้น แต่ยังให้รถดูทันสมัยผสานกับเส้นสายคลาสสิค เริ่มต้นด้วยกระจังหน้าที่ยกเอกลักษณ์ใหม่า Dual Port หรือกระจังหน้า 2 ชั้น มาบ่งบอกตัวตนให้ความหรูหราด้วยการตบแต่งเลาะตะเข็บด้วยโครเมี่ยม พร้อมตราสัญลักษณ์โบว์ไทนโดดเด่นมาแต่ไกล
Testdrive  New! Chevrolet Colorado
เส้นสายด้านหน้าถูกทำให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้นกับชุดไฟหน้าที่ดูแข็งแกร่งแต่ ปราดเปรียว ฝากระโปรงถูกยกขึ้นสูงเล็กน้อยให้ความดุดันและแข็งแกร่ง ถ่ายทอดเส้นสายอย่างต่อเนื่องไปทางด้านข้างผ่านทางซุ้มล้อขึ้นรูปขนาดใหญ่ ถูกใจขาลุย
โดยในวันนี้ที่ได้มาทดสอบนั้น เราได้มีโอกาสสัมผัสกับ New! Chevrolet Colorado Extened Cab Duramax 2.8 LTZ 4X4 A/T ซึ่งเป็นรุ่นท็อปของ Chevrolet Colorado ใหม่ ทำให้ในรถคันที่เรากำลังจะได้สัมผัสต่อไปนี้มาพร้อมการตบแต่งที่ครบครันจาก โรงงานไม่ว่าจะล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว พร้อมยางขาลุยพอตัวจาก Bridgestone Dueler 255/60/R17 และบั้นท้ายยังงดงามเกินคาดกับไฟท้าย LED ที่มีทรวดทรงดุดันแตกต่างจากรุ่นอื่นๆอย่างชัดเจน

ภายในทันสมัยลงตัวกับความอเนกประสงค์

ชมภายนอกกันอย่างจุใจไปเต็มที่แล้ว ก็ได้เวลาเตรียมเคลื่อนขบวนที่เราจับมือกับพี่จากอีกสื่อหนึ่งในการคุม บังเหียนรถ Chevrolet Colorado ใหม่ ที่จับเลขโชคดีเบอร์ 13 โดยในงวดแรกนี้ยเราขอรับบทเป็นผู้โดยสารที่ดีเหมือนเฉกเช่นเคย
เมื่อเปิดประตูเข้าห้องโดยสารเข้ามา Chevrolet Colorado ใหม่นี้ให้ความรู้สึกความเป็นรถเก๋งมากยิ่งขึ้นกว่ารถกระบะทุกรุ่นที่เราได้ สัมผัสมาก่อนหน้านี้ ด้วยการออกแบบในสไตล์ Dual Cockpit ที่ถอดมาจากรถเก๋งของค่าย สื่อสารด้วยความทันสมัยเน้นหนักในการตบแต่งที่ให้ความลงตัวในการใช้สอยใน ด้านต่างๆ
รถคันที่เราสัมผัสรุ่น LTZ นี้ทุกอย่างถูกเติมเข้ามาอย่างครบครัน ตั้งแต่การตบแต่งสไตล์ทูโทน สีเทาผสานเข้ากับสีเบจ ทำให้ห้องโดยสารดูสว่าง และมีความสปอร์ตทันสมัยกลมกลืนกันตั้งแต่คอนโซลหน้าสีดำ ที่ฝั่งคนขับมาพร้อมพวงมาลัย 3 ก้านจัดมาได้อย่างลงตัว ตรงกลางในรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องเสียง 2 Din จัดวางคู่กับระบบแอร์อัตโนมัติใช้งานได้ง่ายดาย โดยในรุ่นทั่วไปเป็นแอร์อัตโนมือ ในตำแหน่งเดียวกัน ส่วนด้านล่างเป็นตำแหน่งคันเกียร์ ที่วางได้พอดีมือคนขับ
Testdrive  New! Chevrolet Colorado
ช่องเก็บของต่างๆถูกจัดเข้ามาให้เก็บสัมภาระมากถึง 20 จุดในรุ่น LTZ ส่วนรุ่นอื่นนั้นก็ไม่ได้น้อยกว่า ด้วยช่องเก็บถึง 19 จุด โดยในส่วนของรุ่นแค็ปที่วันนี้เราได้สัมผัสนั้น สามารถเปิดได้อำนวยความสะดวกด้วย flex Cab ที่จัดวางตำแหน่งมือเปิดตรงกลางด้านใน ทำให้สามารถเปิดได้ทั้งข้างนอกและข้างใน และพื้นที่โดยสารนั้น ก็ล้นเหลือกว้างในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว

เครื่องยนต์ทรงพลัง..กระหึ่มได้ใจ

ในที่สุดก็ได้เวลาเคลื่อนขบวน New! Chevrolet Colorado ใหม่ ออกจากสนามบิง โดยการเดินทางครั้งนี้ เรามีระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ให้ลองลุยดีกับกระบะอเมริกันพันธุ์แกร่ง ที่ Chevrolet มั่นอกมั่นใจว่าจะสามารถชนะใจผู้บริโภคได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ทันทีเพื่อนสื่อมวลชนเราบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ Duramax ขนาด 2.8 ลิตร หัวใจขับเคลื่อนที่สิงห์สถิตอยู่ใต้ฝากระโปรงนั้น ก็ส่งเสียงคำรามให้อารมณ์ที่ฟังแล้วทรงพลังมาก ด้านนอกตัวเครื่องยนต์ก็ไม่ได้เสียงดังมาก แต่เมื่อเร่งเครื่องแล้ว เสียงอันทรงพลังจากอัตรากำลังอัดที่สูงถึง 16.0 :1 ในรุ่น2.8 ลิตร นี้ก็พาให้หลายคนฝันหวาน เราแอบมองเส้นแดงที่วัดรอบเครื่องยนต์ให้ได้สะใจกันที่ 4500 รอบต่อนาที ก่อนที่ลูกสูบอาจจะมานอนยิ้มข้างนอก และรอบเดินเบาก็นิ่งที่ 800 รอบต่อนาทีเท่านั้น
Testdrive  New! Chevrolet Colorado
ธงโบกสะบัดเป็นสัญญาณการเดินทางของเราเริ่มขึ้น เมื่อพี่สื่อมวลชนเรากระชากเกียร์ไปตำแหน่ง D New! Chevrolet corolado ใหม่ ก็เคลื่อนตัวออกสู่หนทางที่มีระยะทางอีกกว่า 200 กิโลเมตร โดยในช่วงที่ออกจากสนามบินนี้ เราใช้ความเร็วต่ำ ขับเกาะกันเป็นขบวนตามเส้นทาง ซึ่งเครื่องยนต์ Duramax 2.8 นี้ เริ่มที่จะมีเสียงครางจากความทรงพลังกันบ้าง แต่ด้วยรุ่น LTZ ที่เรานั่งมาด้วยนี้เป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ เราเลยพบว่า เครื่องยนต์นั้นไม่มีเสียงดังมากเท่าไร
เราใช้เวลาขับอยู่ในความเร็วต่ำนี้พอสมควร และในช่วงความเร็วเดินทาง 90 กม./ช.ม. นั้น เราพบว่าเครื่องยนต์ 2.8 ลิตรนี้ตอบโจทย์ความประหยัดได้ดีพอตัว ด้วยรอบเครื่องยนต์เพียง 1500 รอบ ที่ทำให้ห้องโดยสารเงียบเป็นปลิดทิ้ง ฟังเครื่องเสียง 2 Din ที่มาพร้อมเพลงกึ่งลูกทุ่งกึ่สตริงที่ค่ายโบว์ไทน์จัดมาให้เราได้ชัดเจนยิ่ง ขึ้น

ไม่นาน หนทางเราก็พาลัดเลาะมาถึงช่วงทดสอบความแกร่งด่านแรกที่จะพาเจ้า Chevrolet Colorado นั้นบุกตะลุยทางฝุ่น และนี่คือบททดสอบสำคัญ เส้นทางสุดโหดต้อนรับเราด้วยหลุมบ่อที่อุดมตลอดเส้นทาง แต่ก็ไม่ยาก เพราะเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร สามารถบุกตะลุยได้ได้อย่างสบายเมื่อผสานกับการทำงานของระบบช่วงล่าง Z71 ที่มีในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างลงตัว
Testdrive  New! Chevrolet Colorado
สไตล์ช่วงล่างในรุ่น Z71 ตอบโจทย์ในเรื่องความหนึบแน่น แต่ไม่กระด้างจนเกินงาม ขับผ่านมีพอให้รู้สึกได้อย่างพอตัว แต่ไม่ทำให้สั่นคลอน และเมื่อทางลึกขึ้น หนทางข้างหน้าเรานี้ก็เริ่มโหดขึ้น เราเริ่มทักทายกับร่องน้ำจากสภาพฝนตกที่มีมาในช่วง 2-3 วัน ก่อนหน้าที่เราจะมาทดสอบ จากคำของผู้นำขบวน แต่ล้อขอบ 17 นิ้ว และ ยาง 255/60/R17 แม้จะเป็นยาง HighWay Terrain ที่เติมลมมาประมาณ 35 ปอนด์ แต่ก็ไม่กระแทกกระทั้นจนไส้เลื่อน

ระบบปีกนกอิสระให้ความนุ่มนวลในการผ่านทางสุดโหดนี้ เช่นเดียวกับด้านหลังที่ใช้โช๊คอัพไขว้สามารถรองรับการสะเทือนจากพื้นถนนได้ เป็นอย่างดี จนท้ายที่สุดนี้เราก็ผ่านด่านโหดมาได้ และเดินทางกันต่อไปยังดอยช้างมูบริมขอบชายแดนไทย-พม่า



สมรรถนะพันธุ์แกร่ง ได้เวลาท้าพิสูจน์

หลังผ่านด่านการทดสอบแรก เราก็มาถึงการทดสอบส่วนที่ 2 ของ New! Chevrolet Colorado ใหม่กัน ระหว่างที่เราเราเดินทางมาถึงจุดทดสอบแห่งที่ 2 นี้ เรามีโอกาสเล็กทดสอบอัตราเร่งระหว่างทาง ซึ่ง Duramax 2.8 ลิตร นี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพื่อนสื่อเราก็จัดการจัดเต็มขุมพลัง Kick Down พาเราหลังติดเบาะกันแบบนิ่มๆ ให้ความระทึกสมใจเรียก 180 แรงม้ามาใช้แบบเต็มที่เผลอไม่ถึงอึดใจ เราก็แตะความเร็ว 130 ก.ม./ช.ม. แต่ทางหมดก่อนเลยไม่ได้ลองว่าความเร็วปลายสูงสุดเท่าไร แต่ Chevrolet เปรยว่าสามารถทำได้สูงสุดถึง 190 กม/ช.ม. ถ้าคุณกล้าท้าตาย
ในที่สุด หลังจากใช้เวลายาวนานในการพิชิตทางโค้ง ที่พาคย่อนอาหารจากการบินไทย เราก็มาถึงปลายทางแล้วรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนผู้ขับในการขับขี่ช่วงบ่าย ซึ่งหนทางที่เหลือนั้นส่วนใหญ่เป็นโค้งล้วนๆ
Testdrive  New! Chevrolet Colorado
ทันทีที่เปลี่ยนจากผู้นั่งมาเป็นผู้ขับ เราจัดแจงปรับเบาะให้เหมาะกับสรีระ นั้น ก็พบว่า ในห้องโดยสาร Chevrolet Colorado ที่ต่างออกไป โดยเฉพาะหน้าปัดเรืองแสงประดับด้วยสีฟ้าอ่อน Ice Blue ให้ความรู้สึกที่สบายตาแต่ยังสว่างให้ความชัดเจน ทั้งด้านความเร็วที่ใช้ และรอบเครื่องยนต์ที่ทำงาน มาพร้อมเรือนไมล์แบบ 2 ช่อง ที่ถอดเอาจาก Chevrolet Camaro มาให้ความรู้สึกสปอร์ต ส่วนก้านปัดน้ำฝนและไฟเลี้ยวนั้นก็เข้าใจง่ายไม่ได้สลับตำแหน่ง ซ้าย-ขวาเหมือนที่ควรจะเป็น
เมื่อสับเกียร์ไปตำแหน่ง D เคลื่อนตัวตามขบวนตามคาราวานลัดเลาะตามขุนเขาเมืองเชียงรายกันต่อนั้น Chevrolet Colorado Extened Cab Duramax 2.8 LTZ 4X4 A/T ก็ตอบโจทย์ด้านการตอบสนองได้ดีตั้งแต่แรกเริ่ม ที่ขับได้มันส์หยดเหยียบติดเทาตลอดเวลา ส่วนหนึ่งก็มาจาก ระบบเทอร์โบแปรผัน ที่มีเฉพาะในเครื่องยนต์รุ่นนี้และพลังที่ตอบสนองได้ดีก็น่าจะมาพร้อมกับ ความปลอดภัยในการขับขี่ แต่ทันทีที่ลงดอยช้างมูบในตำแหน่งเกียร์ D นั้น ก็มีพาเราเหวอไปเล็กน้อย
Testdrive  New! Chevrolet Colorado
เหตุการณ์สุดระทึกนี้ พาเอาใครที่ไม่คุ้นนั้นอาจจะขวัญเสียได้เหมือนกันเมื่อเจ้าโด้ใหม่ลงเขาด้วย ความเร็วทั้งๆที่ไม่เหยียบคันเร่งนั่นบ่งบอกถึง การไหลรถคล้ายกับตำแหน่งเกียร์ว่าง ซึ่งถือว่าอันตรายเพราะไม่มีการหน่วงด้วยเครื่องยนต์ตามที่ควรที่เป็น นอกจากใช้เบรคช่วยชีวิต แต่เคราะหฺดีที่เบรคของ Colorado ใหม่ก็สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน ด้วยจานเบรคขนาดใหญ่ขนาด 300 ม.ม.ให้มั่นใจได้มากยิ่งขึ้นและเราก็ผ่ามาได้ด้วยดี
หลังจากเหตุการณ์สุดระทึกเราลองตัดสินใจขับด้วย Manual Mode ที่สามารถเลือกสับตำแหน่งเกียร์เองได้ตามต้องการ และทำได้ง่ายเพียงแค่เลื่อนไปตำแหน่งทางด้านซ้ายของเกียร์คล้ายกับระบบ DSG และสิ่งที่เราพบบนหน้าจอข้อมูลตรงหน้านั้นก็น่าตกใจ เมื่อระบบแจ้งว่าขณะนี้ได้ใช้เกียร์ 4 ในการขับขี่ ซึ่งถือว่าเป็นระดับเกียร์ที่ค่อนข้างสูงในการขับทางเขา จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อกี้รถไหลลงมาอย่างรวดเร็วและเราจึงสับเกียร์ลงไปใน ตำแหน่งเกียร์ 3
ในระหว่างทางเราพบเนินลงเขายาวอีกครั้งและเราลองทำการปล่อยคันเร่งอีก ครั้งในตำแหน่ง Manual mode ในตำแหน่งเกียร์ 3 ผลคือ Colorado ใหม่นั้นลงเขาอย่างหน่วงด้วย engine Brake ผิดกับก่อนหน้า แต่เมื่อถึงปลายทางโค้งก็เกิดความระทึกอีกครั้ง เมื่อบจะสับลงเกียร์ 2 แล้วเบรคสาดโค้ง แต่กลับกลายเป็นว่า Gear Shift Denied กล่องควบคุมไม่ให้ขับ ทำให้ต้องได้ใช้เบรคแรงๆ อีกครั้งก่อนโยนเข้าโค้งไป
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจากสมองเกียร์อันชาญฉลาดที่คำนวนรอบเครื่อง ยนต์กับอัตราทดเกียร์แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะรักษาไม่ให้ใช้เกียร์เกิน กำลังของผู้ขับขี่ แต่ก็อาจจะพาเสียวได้เล็กๆ โดยเฉพาะในสถานการณ์คับขัน
Testdrive  New! Chevrolet Colorado
เราขับลัดเลาะตามเขาด้วยเส้นทางที่คลุกเคล้าอาหารเหนือมื้อกลางวันจนตีจะ ออกปาก แต่นั่นก็ไม่น่ารำคาญเท่าเสียงเครื่องยนต์ที่เราลากให้กระหึ่มหูตลอดเวลาใน ตำแหน่งเกียร์ 2-3-4 ตามแต่สภาพทางที่ไป เครื่องยนต์ Duramax อันทรงพลังนี้อาจจะต้องยอมรับในสมรถนะ ที่สามารถขึ้นเนินชัน 30 องศาได้ที่เกียร์ 2 ได้อย่างสบายๆ แต่เสียงเครื่องที่กระหึ่มเข้าห้องโดยสาร อาจจะพาคุณหูอื้อได้เมื่อต้องลากรอบเครื่องหนักๆ เป็นเวลานานๆ
แม้เกือบตลอดทางนั้น เราจะใช้รอบเครื่องเฉลี่ยในช่วง 2000-3000 รอบเป็นส่วนใหญ่ แต่เครื่องยนต์จะเบาหูก็ต่อเมื่อ เราใช้เครื่องยนต์ต่ำกว่า 2000 รอบ ต่อนาที และมันทำให้เรานึกถึงเวลาเดินทางไกลๆ ขึ้นมาทันใด วึ่งต้องหาโอกาสทดสอบอีกครั้ง

จะน่าซื้อน่าใช้ก็ตรงช่วงล่างนี่แหละ ...

จริงอยู่เราอาจจะบ่นเรื่องเสียงเครื่องยนต์ที่กระหึ่มสะใจทรงพลังแบบ อเมริกันสไตล์ จากกำลังอัด 16 :1 ของเครื่องยนต์ Duramax 2.8 ลิตร แต่ระหว่างทางด้วยความเซงทางเขา พาเอาอารมณ์ซิ่งอยากวาดลีลาสาดโค้งเขาสิงห์ เราก็เลยมือซนไปปิดระบบ Traction Control เสียหน่อย
ระบบ Traction Control นั้น ถูกวางสวิทช์ไว้ที่ตำแหน่งใต้ระบบแอร์ใกล้กับคนนั่ง และในการทำงานแม้จะง่ายดั่งปลายนิ้วสัมผัส แต่ก็ต้องรอสักพักในการตอบสนองที่หน้าจอตรงหน้า ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้เป็นข้อเสียได้ แต่ก็พอจะมองข้ามไปได้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมือซน
เมื่อปิดระบบการป้องกันการลื่นไถลนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเรื่องหนึ่งแล้วเราจับได้อย่างชัดเจนนั้น คือการหายไปของการเวียนหัวที่พาเรามนงงเหมือนคนเมารถตลอดเวลา.. อาจจะแปลกแต่ก็จริง เพราะดูเหมือนว่า ระบบ traction ที่ทำงานนั้นจะทำให้เรารู้สึกเวียนหัว เนื่องจาก ระบบจะค่อยป้องกันอาการไถลทางบั้นท้ายตลอดเวลา และสิ่งที่ตามมากคือเสียงยางที่ดังยามเข้าโค้งที่ทำให้เรารู้ว่าระบบดัง กล่าวนั้นน่าจะช่วยคุณประหยัดยางมากขึ้นเช่นกัน
Testdrive  New! Chevrolet Colorado
ถ้าถามผมว่ าการขับแบบไร้ระบบป้องกันการลื่นไถลอันตรายมากกว่าไหม นั้น คงต้องบอกว่าไม่ เพราะช่วงล่าง Z71 ของ Chevrolet colorado ใหม่ค่อนข้างเซทมาได้อย่างลงตัวอยู่แล้ว เมื่อประกอบกับยางหน้ากว้าง 255/60R17 เราก็แทบจะไม่เห็นอาการท้ายย้วย หรือ Over Steer เลย จนเมื่อมาถึงช่วงทางแยกตัววาย ที่อัดมา 60 ก.ม./ช.ม. ใน manual Mode ที่เกียร์ 3 ก่อนสับมา 2 แล้วตวัดพวงมาลัย เลี้ยวตามคาราวานพร้อมเร่งส่ง เพื่อวัดใจกับเจ้าโด้ ผลคือท้ายออกเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก แต่ก็คงไม่ใช่ทุกคนที่จะขับระห่ำแบบนี้
ตลอดเวลาระยะทางที่เหลือนั้นเราก็ยังผ่านโค้งต่างๆมากมาย และ Colorado ใหม่ ก็พิสูจน์ตัวเองเรื่องช่วงล่างอย่างดี เราลองสลับ เปิดกับปิดระบบป้องกันการลื่นไถล ผลคือแทบไม่แตกต่างอะไรกันมากมาย เพราะส่วนหนึ่งรถคันนี้มีระบบควบคุมการทรงตัว ที่ไม่สามารถปิดได้ และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ให้ New! Chevrolet colorado ใหม่นั้น น่าขับมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดนี้เราเดินทางมาถึงปลายทางอย่างปลอดภัยพร้อมอัตราน้ำมันที่ทำได้ดีถึง 13.0 กิโลเมตรต่อลิตร ในการเดินทาง เกือบ 300 กิโลเมตร ใช้น้ำมันไปเพียง 1 ล็อค ในเส้นทางขุนเขาเมืองเชียงราย ซึ่งคะแนนความโดดเด่นใน Chevrolet Colorado ใหม่ นี้ค่อนข้างโดดเด่นในหลายๆด้าน แต่ก็ยังมีหลายโจทย์ที่เรายังต้องการคำตอบ ซึ่ง ในโอกาสหน้าเราคงจะได้ทดสอบอย่างใกล้ชิดอีกครั้งกับเจ้ากระบจากประสบการณ์ 100 ปี คันนี้




ตารางคะแนน ผลการทดสอบ New! Chevrolet Colorado

คะแนนทดสอบโดยรวม ให้ 89 คะแนน


หัวข้อ

คะแนนเต็ม (25)

คำติชมและข้อเสนอแนะ

รูปลักษณ์ภายนอก

23

การออกแบบดีไซน์ดูดีโดยเฉพาะ เรือนร่างภายนอกที่ดูลงตัวทุกสัดส่วน แม้รุ่นเล็กจะมาไม่เต็มแต่ยังดูคล้ายรุ่นพี่เหมือนกัน แต่ความสวยงามนี้ในบางอารมณ์นั้นมองดูก็อาจจะแปลกๆ

ภายในห้องโดยสาร

23

ห้องโดยสารดุจเก๋งนั้นเป็นโจทน์ที่สำคัญและเชฟวี่ทำได้ดีตรง อุปกรณืต่างๆให้เข้าใจง่ายไม่ยากจนน่าปวดหัว แต่อยากจะฝากบอกว่า ขอเบาะที่ยิ่งกว่านี้สักหน่อยน่าจะลงตัวกว่านี้

สมรรถนะเครื่องยนต์และความประหยัด

21

ขุมพลัง 2.8 ลิตร ที่เราได้สัมผัสตลอดทริปนั้นสามารถตอบโจทย์เรื่องสมรรถนะได้ดี แรงบิด-แรงม้ามีมากอย่างลงตัว แต่จะติดก็เรื่องเสียงเครื่องที่ดังในลักษณะกระหึ่มหูอื้อนี่สิ อันนี้น่าสนใจ แต่เราไม่อยากจะสรุปมากจนกว่าจะได้ทดสอบอีกครั้ง แต่อย่างน้อย 13 กิดลเมตร ต่อลิตรกับทางเขา 200 กิโลเมตร นั้นก้ไม่ใช่เรื่อง่ายที่จะพบได้นัก

ระบบกันสะเทือนและเทคโนโลยี

22

ข้อนี้ชัดเจนและลงตัวอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะกันสะเทือนนั้นเซทมาได้ดี แต่ต้องอย่าลืมว่า เราขับรุ่น Z71 ที่เซทมาอย่างลงตัว จึงไม่สามารถกล่าวได้เต็มปาก แถมท้ายเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ อีกต่างหาก มีทุกอย่างมาครบองค์ ส่วนเรื่องของเล่นนั้นเยอะพอตัว จนน่าสนใจ

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Mitsubishi Evolution XI เตรียมรีเทิร์นอีกครั้งในแบบดีเซลไฮบริด

หากพูดถึงรถยนต์สปอร์ตชั้นนำที่เป้นที่ตราตรึงใจของใครหลายๆคนแล้ว Mitsubishi Evolution นั้น นับเป็นรถยนต์ที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงไม่แพ้รถสปอร์ตรุ่นอื่นๆที่มีวาง จำหน่ายอยู่มากมาย โดยเฉพาะเมื่อสปอร์ตแรลลี่คันนี้คือที่มาของรถบ้านแต่งแรงต้นตำหรับรถสนาม จากรถถนน ทำให้คนจำนวนมากที่ใช้ Mitsubishi ต่างรู้จักชื่อแห่งความแรงนี้เป็นอย่างดี
Evolution นั้น เป็นยอดรถสปอร์ตคาร์ที่หลายคนถามหาและมันมีดีมากกว่า 10 รุ่น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ หลังจากเมื่อช่วงปีที่ผ่านมาค่าย mitsubishi เคยออกมาเปรยถึงความไม่ชัดเจนในอนาคตของยอดรถสปอร์ตประจำค่าย หลังเตรียมเปลี่ยนไปเอาจริงเอาจังกับรถไฟฟ้าที่ทำให้หลายรู้สึกเสียดายขึ้น มาทันใด หากหนึ่งในตระกูลสปอร์ตจะต้องตายจากไปอีกรุ่นหนึ่ง

Mitsubishi Concept X
แม้สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงนี้จะยังไม่มีความชัดเจนมาก แต่จากการให้สัมภาษณ์ของบอสใหญ่ประธาน Mitsubishi นาย โอซามุ มาสุโกะ ต่อนิตยสารรถยนต์ชั้นนำของเกาะอังกฤษ Autocar ก็ได้เผยถึงการเตรียมพร้อมสำหรับ Mitsubishi Evolution รุ่นต่อไป ที่จะพร้อมออกมาวาดลวดลายในช่วง 3 ปีข้างหน้า และมันจะมาพร้อมขุมพลังไฮบริดอีกด้วย
"เรากำลังจะเริ่มโครงการนี้อย่างเป็นทางการในช่วงปีหน้า และจะพร้อมในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป้าหมายของเรานั้นคือการสร้างรถสปอร์ตจากพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้า"
Mitsubishi Concept X
อย่างไรก็ดี นิตยสารรถยนต์ Autocar มีการเปิดเผยต่อไปอีกว่า Mitsubishi Evolution ใหม่นั้นจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบดีเซลไฮบริด แต่ยังไม่มีการยืนยัน ทว่าด้วยวิสัยทัศน์ในการทำให้สมรรถนะและความประหยัดไปด้วยกันได้นั้น มีความเชื่อว่า Evolution XI นั้นจะมาพร้อมอัตราเร่ง 0-100 กม/ชม ใน 5 วินาทีเท่านั้น และปล่อยไอเสียเพียง 200 กรัม ต่อกิโลเมตร ที่สำคัญยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เหมือนเดิม

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

พิสูจน์ เชฟโรเลต โคโรลาโดใหม่ แรง ใหญ่ นุ่ม

ถือเป็นกระบะรุ่นใหม่ตั้งแต่ หัว จรดปลายเป้า รุ่นล่าสุด แห่งวงการรถยนต์ในขณะนี้ นั่นคือ เชฟโรเลต โคโรลาโด ใหม่ ที่ใช้เครื่องยนต์ตัวใหม่คือ 2.5 และ 2.8 ลิตร มีดีอย่างไร ติดตามได้เลย ครับ

เชฟโรเลต โคโรลาโด ใหม่
โดย...นิธิ ท้วมประถม 
ในที่สุดบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม ก็คลอดรถกระบะ เชฟโรเลต โฉมใหม่ ที่ยังคงใช้ชื่อ “โคโรลาโด” เหมื่อนเดิมแต่เติมคำว่า "ใหม่" ต่อท้ายเอาไว้เสียหน่อย  ออกสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว
ซึ่งเจ้าโคโรลาโดนี้ ถือว่าเป็นรถกระบะที่จีเอ็ม ออกแบบเองทุกกระเบียดนิ้ว ไล่ไปตั้งแต่ ตัวถัง ภายใน ช่วงล่าง ยันถึง เครื่องยนต์ เลยทีเดียว ทำให้ จีเอ็ม มั่นใจว่า เชฟโรเลต โคโรลาโด นี้จะสามารถตอบสนองการใช้งานของลูกค้าคนไทยได้อย่างลงตัว แต่จะลงตัวมากน้อยแค่ไหน ผมต้อง “ขอลอง” เสียหน่อยครับ
รูปร่างหน้าตาภายนอกของ เชฟโรเลต โคโรลาโด ต้องบอกว่า บึกบึนไม่น้อยครับ แถมยังดูใหญ่โตอีกเสียด้วย จะไม่ใหญ่ยังไงละครับ ก็ฐานล้อของโคโรลาโดนั้นยาวถึง 3,096  มม.และกว้างถึง 1,510 มม. ถือว่าใหญ่มากครับ เมื่อเทียบกับรถกระบะยี่ห้ออื่นๆ ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน 
นอกจากความใหญ่โต แล้วสิ่งที่สะดุดตาอีกอย่างคือ โคมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์รูปทรงเรียวๆ แบบมีหางตา กระจังหน้าสองชั้นที่เรียกว่า “ดูอัลพอร์ท” ล้อมกรอบโครเมียม นี่ก็ทำให้ดูเป็น “แมน” ขึ้นพอตัว แต่ส่วนตัวแล้วผมชอบ โคโรลาโด รุ่นแรกที่เป็นไฟหน้า 2 ชั้นมากกว่า เพราะรุ่นนั้นแหละที่ผมยอมรับเต็มปากเต็มคำว่า แมน จริงๆ
ส่วนบั้นท้ายนั้น แปลกตาด้วยไฟท้ายแนวตั้งเป็นแบบแอลอีดี แน่นอนว่ากลางคืนสว่างแน่ แต่ถ้าถูกชนท้ายก็แพงแน่ครับ หลอดแบบนี้ เดินมองรอบๆ ก็เห็นความแตกต่างระหว่างรุ่น LTZ หรือรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยมแบบมีของโครเมี่ยม แถมด้วยล้ออัลลอยด์และยางขนาด 17 นิ้ว รับกับโป่งซุ้มล้อทั้งด้านหน้า-หลัง ยิ่งอยากขึ้นไปนั่งให้เท่ๆ จริงๆ แต่หากเป็นรุ่น LT หรือขับเคลื่อน 2 ล้อ ขนาดยางก็จะเป็นขอบ 16 นิ้วแทน

ด้านหลังเต็มๆ
มาดูภายในกันบ้างดีกว่า ก้าวขึ้นมาในห้องโดยสารสิ่งแรกที่รู้สึกได้คือความ “กว้างขวาง” ของ โคโรลาโด ที่บอกได้ว่าเหลือเฟือ ทั้งๆ ที่รุ่นทื่ผมขับนั้นเป็นรุ่น Extended Cab หรือ 2 ประตู ที่มีแคปเปิดได้ในลักษณะเปิดบานตู้กับข้าว แถมแคปยังเปิดกว้างได้ตั้ง 90 องศา เข้าออกสบายๆ
ไล่สายตามองไปตามแผงคอนโซล ก็ต้องแปลกใจว่าการคอนโซลและอุปกรณ์ต่างๆ ของโคโรลาโด นั้นดูหรูหรา ทันสมัยไม่น้อยทีเดียว ซึ่งทางจีเอ็มบอกว่า ภายในของโคโรลาโด นั้นเอาแบบมาจาก เชฟโรเลต คอร์เวท รถสปอร์ตตัวแม่ในตำนานของเชฟโรเลต เลยทีเดียว 

ภายในรุ่น LTZ เกียร์อัตโนมัติ
แผงคอนโซลในรุ่น LTZ ใช้สีทูโทนสีเบจ มาตรวัดเรืองแสง มีจอแสดงข้อมูลการเดินทาง หรือ Data Information Center (DIC) สีฟ้าอ่อนดูเย็นตาดี  แต่ที่แปลกๆ คือคอนโซลกลาง ติดตั้งสวิทช์ทรงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งในรุ่นท็อปปุ่มนี้คือปุ่มควบคุมระบบแอร์อัตโนมัติ แต่หากเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ปุ่มปรับอุณหภูมิ และปรับพัดลมก็เป็น 2 ปุ่มที่คอนโซลกลางเหมือนอย่างปกติ และหากเป็นรุ่นขับเคลื่อน  4 ล้อ ก็จะมีเจ้าปุ่มกลมๆ อยู่แถวเบรกมือ สำหรับปรับระบบขับเคลื่อน ให้เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD Hi/ 4WD Lo ตามที่เราต้องการ  

ภายในรุ่นเกียร์ธรรมดา
หันมามองพวงมาลัย ก็มาแบบเต็มๆ แล้วครับ เพราะเป็นพวงมาลัย 3 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่น มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติให้ด้วย เอาให้เต็มทีไปเดี๋ยวนี้ รถกระบะชักจะเหมือนกับรถเก๋งไปทุกทีแล้ว
มาดูเรื่องเครื่องยนต์ที่เป็นหัวใจของ เจ้าโคโรลาโดใหม่นี้ดีกว่าครับ รุ่นที่ผมขับนั้นคือ LTZ  ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ครับ ซึ่งเครื่องยนต์ของ โคโรลาโด นั้นมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 2.5 ลิตรและ 2.8 ลิตรเท่านั้น ซึ่งเครื่องยนต์ทั้ง 2 ขนาดนี้ผลิตขึ้นที่โรงงานจีเอ็ม จังหวัดระยอง ครับ เสียงเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เป็นบล็อก 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว คอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น พร้อมเทอร์โบ แปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ ดังกระหึ่มขึ้นมาทันทีที่สตาร์ท มาลองนั่งฟังดูแล้ว ก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายครับถือว่าผ่านทีเดียว

ปุ่มปรับระบบขับเคลื่อน
มองไปที่คันเกียร์​ ก็ต้องแปลกใจเพราะเกียร์อัตโนมัติของ โคโรลาโด นั้นมีตำแหน่ง + -  ติดตั้งไว้ด้วย นั่นหมายความว่ามีระบบทริปโทรนิค หรือระบบเกียร์กึ่งอัตโนมัติ ซึ่งถือว่าเป็นรถกระบะรุ่นแรกที่มีระบบเกียร์แบบนี้ครับ สบายแล้วอย่างนี้ขึ้นเขาลงเขาแบบไม่ต้องแคร์ใครแล้ว
ลองกดคันเร่งดู ผมยังรู้สึกว่าเจ้าโคโรลาโดใหม่นี้ ออกตัวช้าไปนิด แต่พอเลยช่วงออกตัวละก็ อูย.....หลังติดเบาะเหมือนกัน ถือว่าม้า 180 ตัวที่ 3,800 รอบ/นาที ทำงานได้น่าปรบมือให้ และยิ่งต้องปรบมือให้กับ อัตราเร่งแซงที่ทำได้ดีมาก ซึ่งก็ต้องยกความดีให้กับแรงบิดของเครื่องยนต์รุ่นนี้ ที่สูงถึง 470 นิวตัน-เมตรที่รอบต่ำเพียง 2,000 นาที ทำให้การเร่งแซงทำได้แบบไม่ต้องเสียเวลาคิดทีเดียว

โฉมหน้า เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 180 แรงม้า
และเจ้าแรงบิดสูงที่รอบต่ำนี้ยังทำงานได้อย่างดี เมื่อช่วงต้องขับขึ้นเขา บนเส้นทางดอยตุง แม่สลอง ได้เป็นอย่างดี ซึ่งผมคาคันเร่งไว้ที่รอบเครื่องยนต์ ยังไม่ถึง 2000 รอบต่อนาที รถก็ขับขึ้นเขาชันๆ ได้อย่างสบายเลยทีเดียวครับ
แถมเกียร์อัตโนมัติ ของเชฟโรเลตโคโรลาโด นั้นยังมีตั้ง 6 เกียร์ ซึ่งเชื่อว่าหากวิ่งทางไกลน่าจะประหยัดน้ำมัน แต่ผมยังไม่มีโอกาสครับ เอาไว้โอกาสหน้าได้ลองขับไกลๆ อีกสักครั้ง จะรีบมาบอกท่านผู้อ่านครับ
ขณะที่ส่วนช่วงระบบช่วงล่างที่หลายคนอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ผมบอกตรงนี้ได้เลยว่า ช่วงล่างนุ่มนวลมากครับ ทั้งๆ ที่เป็นรุ่น flex cab  หรือ แคป เปิดได้ ที่ธรรมดาแล้วต้องกระเด้งกระดอนกันไม่น้อย แต่เชฟโรเลต โคโรลาโด นี้ลบความทรงจำในเรื่องของความกระด้างออกไปได้อย่างหมดสิ้นจริงๆ ครับ ขอโค้งคารวะกับการออกแบบช่วงล่างที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
การทรงตัว และพวงมาลัย ไว้ใจได้ ไม่ต้องกังวลว่าพวงมาลัย หรือช่วงล่างจะสร้างความลำบากใจให้แม้ว่าจะขับด้วยความเร็วสูง เพราะระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกสองชั้น พร้อมทอร์ชั่นบาร์และโช้กอัพแก็ส ขณะที่ด้านหลังใช้แบบลีฟสปริง แป้นรูปครื่งวงรีใช้วัสดุทำด้วยเหล็กกล้า พร้อมโช้กอัพแก็ส  นั้นไว้ใจได้ครับ
สนนราคา ที่ 4.97-9.98 แสนบาท  กับความสามารถและออปชั่น ที่มาเต็มๆ อย่างนี้ ผมว่าเจ้าตลาดรถกระบะ มีเหนื่อยแน่คราวนี้



พวงมาลัย มัลติฟังก์ชัน