วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทดลองขับ CHEVROLET NEW CAPTIVA LTZ VCDi (ตอนที่ 2)

Pic_225183
15 ธันวาคม 2554 เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บริษัท Chevrolet Sales Thailand Co.ltd นำรถ New Captiva รุ่น LTZ VDCi เครื่องยนต์ดีเซลที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมภายในงานแสดงรถยนต์ Motor Expo 2011 มาให้ผมได้ขับทดสอบต่อจากคุณริชชี่ นักข่าวของ Bangkok Post เพื่อนเลิฟที่ได้ยืมไปก่อนหน้าผม และนับเป็นสื่อสิ่งพิมพ์กับเว็บข่าวออนไลน์เจ้าแรกๆ ที่ได้ขับทดสอบรถ SUV สมรรถนะดี เครื่องยนต์ดีเซลของค่ายโบไทอีกครั้ง หลังจากที่เคยควบเจ้า New Captiva LTZ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน E85 ที่วนอุทยานแห่งชาติทับลาน เขาแผงม้า อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงไปเมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

New Captiva รุ่นสูงสุดซึ่งใช้รหัส LTZ VDCi เป็นยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ที่ถูกออกแบบสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบ ครัวขนาดกลางที่มักจะนิยมเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยรถ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แบบ 6-7 ที่นั่ง สมรรถนะในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่เพิ่งจะเปิดตัวไปอย่างสดๆ ร้อนๆมีความเหมาะสมมากกับการวิ่งทางไกลเนื่องจากเครื่องยนต์ถูกพัฒนาให้มี การใช้น้ำมันทุกหยด อย่างคุ้มค่า รูปแบบตัวรถที่สวยงามทันสมัย พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางสะดวกสบายจากการดีไซน์ภายในโดยมุ่งเน้นไปที่การ ใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของคนเมือง พร้อมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกนับสิบรายการที่ใส่เข้ามาในตัวรถเพื่อยก ระดับการขับขี่ให้เทียบเท่า หรือเหนือกว่ารถอเนกประสงค์ราคาสูงของค่ายรถชั้น นำจากทวีปยุโรป เจ้า Captiva LTZ VCDi สามารถตอบสนองการขับขี่ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งขับไปทำงานหรือขับท่องเที่ยวทางไกลกับครอบครัว มีประสิทธิภาพและสมรรถนะโดยภาพรวมแล้วแทบจะไม่แตกต่างไปจากรถ SUV แบรนด์หรูหราอย่าง BMW X3 / Mercedes Benz ML Class / Lexus RX270 แต่โดดเด่นมากจากราคาค่าตัวที่ต่ำกว่ารถหรูทั้งสามรุ่นที่กล่าวมานั่นเอง

เส้น ทางที่ใช้ทดสอบเจ้า New Captiva LTZ VCDi เครื่องยนต์ดีเซลอัดเทอร์โบตัวล่าสุด เป็นเส้นทางจากกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าไปยังจังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้ถนนบรมราชชนนี แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่อำเภอนครชัยศรีของจังหวัดนครปฐมบนเส้นปิ่นเกล้า - นครชัยศรี หรือทางหลวงจังหวัดหมายเลข 338 ก่อนที่จะผ่านบางอำเภอของจังหวัดราชบุรี แล้วเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่จังหวัดกาญจณบุรี ดินแดนสุดเขตประเทศไทยทางทิศตะวันตกที่อุดมไปด้วยด้วยขุนเขา แม่น้ำแคว เขื่อนขนาดใหญ่ทั้งสองเขื่อน และธรรมชาติที่สวยสดงดงามจากการอนุรักษ์ดูแลร่วมกันของคนเมืองกาญจน์ การขับทดสอบในครั้งนี้เป็นการขับขี่รถยนต์ตัวทดสอบเป็นครั้งแรกหลังจากต้อง ทนจับเจ่าอยู่กับบ้านมานานเกือบเดือนจากสภาวะน้ำท่วมอย่างหนักหน่วง โดยว่ากันยาวๆตั้งแต่วันพฤหัสฯที่ 15 ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นถนนหนทางในตัวจังหวัดกาญจนบุรีกับอำเภอรอบนอกล้วนๆ

ถนน บรมราชชนนี ในช่วงที่น้ำเพิ่งจะแห้งไปหมาดๆ หลังจากที่เคยท่วมสูงถึง 1.5 เมตร ทำให้ผิวถนนบางช่วงบางตอนชำรุดเสียหายกับมีหลุมบ่อขนาดใหญ่เกือบตลอดทางไปจน เกือบถึงแยกปิ่นเกล้า - นครชัยศรี ทางหลวงที่เสียหายอย่างหนักไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการขับขี่ควบคุมเจ้า New Captiva VCDi แต่อย่างใดทั้งสิ้นเนื่องจากผมได้เคยทดลองขับเจ้า Captiva รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน E85 และพบกับช่วงทดสอบพิเศษที่ต้องวิ่งลุยไร่มันสำปะหลังแถบอำเภอวังน้ำเขียว กว่า 7 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทางแบบ Off-Road เต็มรูปแบบ และถือได้ว่าโหดหินกว่าหลุมบ่อบนถนนบรมราชชนนีมากมายนัก การโยกพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนช่องทางพร้อมหลบหลุมที่เกิดจากน้ำท่วมตัวรถจึง สามารถวิ่งผ่านไปได้อย่างสบายไม่มีอาการวูบวาบให้เห็นแม้แต่นิดเดียว การทรงตัวของเจ้า New Captiva อยู่ในระดับใกล้เคียงกับ SUV ขนาดกลางจากทวีปยุโรปทั่วไป เนื่องจากล้อและยางไซล์ยักษ์ถึง 235/50/R19 รวมถึงการปรับเปลี่ยนค่ายุบตัวของโช้คอัพและสปริงแบบใหม่หมด สอดรับไปกับน้ำหนักตัวรวมทั้งคันที่เกือบ 2 ตันของมัน ทำให้การวิ่งที่ระดับ 130-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อเลยจากจังหวัดราชบุรีไม่นานนักเป็นไปด้วยความสบาย ไม่มีความเครียดจากการควบคุมตัวรถใดๆ ทั้งสิ้นโผล่มาให้เห็น

ชุด ส่งกำลังที่ใช้ระบบเฟืองโดยมีการทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนแบบ AWD สามารถส่งถ่ายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างหมดจดแม่นยำ รอยต่อขึ้น-ลงของตำแหน่งเกียร์ทำออกมาได้เนียนใช้ได้ ไม่มีอาการกระตุกกระชากให้เห็น ทั้งย่านเกียร์ต่ำและเกียร์สูงที่ออกแนวไหลลื่นต่อเนื่องจนไปคล้ายกับเกียร์ CVT แบบสายพานที่แสนจะน่าเบื่ออยู่บ้าง เมื่อผมลองเข้าโหมดที่ต้องปรับเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ด้วยตัวเอง เกียร์ออโต้ของเจ้า New Captiva LTZ VCDi ก็ยังลื่นไหลและทำงานประสานไปกับแรงบิดรอบต่ำของเครื่องดีเซล VDCi ที่มีแรงบิดมากกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซินอย่างชัดเจน ที่ย่านรอบเครื่องประมาณ 1,750 รอบต่อนาทีกับแรงบิดระดับ 360 นิวตันเมตร ทำให้การยกตัวถังที่หนักเกือบสองตันตอนออกตัวจากสัญญาณไฟคล้ายกับเจ้า Cruze ซึ่งเป็นรถเก๋งแบบคอมแพ็กที่ให้อัตราเร่งตีนต้นดีทีเดียว คันเร่งแบบไฟฟ้าค่อนข้างเบา จึงต้องระมัดระวังไม่กดจนจมมิดซึ่งจะตามมาด้วยแรงดึงพร้อมกับการออกตัวอย่าง ว่องไวจนน่าแปลกใจ ส่วนระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลของ New Captiva สามารถส่งกระจายความเย็นไปทั่วห้องโดยสารอย่างรวดเร็วหากปรับพัดลมไปที่ เบอร์สูงสุด ช่องแอร์ด้านหลังสำหรับผู้โดยสารที่นั่งตอนหลังก็ยังทำให้การจอดตากแดดแล้ว เปิดแอร์ไล่ความร้อนภายในห้องโดยสารใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่ความเย็นฉ่ำจะ กระจายตัวไปทั่วทั้งคัน

ชุด เครื่องเสียงพร้อมจอ แบบสัมผัสของ Captiva LTZ ทั้งเบนซินและดีเซลใช้งานได้ง่ายให้คุณภาพของเสียงที่คมชัดมีมิติตามที่บอก เอาไว้ หากแผ่น CD ที่เล่นถูกบันทึกมาอย่างดี ลำโพงทั้ง 8 ดอกที่ถูกจัดวางมาอย่างเป็นระบบโดยมุ่งเน้นไปที่การกระจายมิติของเสียงใน ห้องโดยสารของ New Captiva จะให้เสียงที่สมจริง คมชัด และให้มิติที่ดีใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนระบบนำทางด้วยดาวเทียมบนจอมอนิเตอร์ขนาด 7 นิ้ว ใช้งานได้อย่างสะดวกเมื่อสัมผัสไปบนหน้าจอเพื่อเข้าเมนู เนื่องจากเป็นเมนูภาษาไทยทำให้การสั่งงานมีความง่ายดายขึ้น แต่สัญลักษณ์และรูปภาพของเส้นทางไม่ค่อยละเอียดเท่าใดนักในโหมดนำทาง การปรับตั้งหรือเปลี่ยนโหมดจากการกดสัมผัสบริเวณหน้าจอ โปรแกรมการใช้งานมีความว่องไวใช้ได้ อ่านค่าได้อย่างชัดเจนและสะดวกแม้แต่การปรับตั้งในขณะที่กำลังขับขี่ จอแสดงผลระบบสัมผัสของ Captiva LTZ VCDi ถึงแม้จะมีโหมดให้ใช้งานไม่มากเท่าใดนัก แต่ให้คุณภาพและความคมชัดอยู่ใน ระดับที่ดี สามารถบันทึกจุดหมายปลายทาง สถานที่ที่จะวิ่งผ่านทั้งร้านอาหาร โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วประเทศซึ่งทั้งหมดสามารถปรับโหมดเมนูเป็น ภาษาไทยเพื่อความสะดวกในการอ่านและทำความเข้าใจ

วัน ที่สองของการทดสอบเจ้า New Captiva LTZ VCDi เป็นการทดสอบวิ่งทางไกลจากตัวเมืองกาญจน์ไปยังเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อหา สมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD หรือ Active On Demand 4WD ของ New Captiva LTZ VCDi ที่ควบคุมและสั่งการด้วยระบบสมองกลไฟฟ้า ในสภาวะปกติ ระบบส่งกำลังที่ทำงานเชื่อมต่อกับชุดสมองกล Active On Demand 4WD จะถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อคู่หน้าเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น ต่อเมื่อสภาพถนนแปรเปลี่ยนไปเช่นอยู่ในเส้นทางที่ขรุขระ ลื่นไถลหรือเป็นหล่มโคลน รวมถึงทางขึ้น-ลงเขา ตัวจับสัญญาณจะสั่งให้ชุดเฟืองท้ายแบบแม่เหล็กไฟฟ้า Active Coupling ทำการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อคู่หลังแบบอัตโนมัติในอัตราส่วน 50:50-60:70-70:30 ตามความเหมาะสมของสภาพถนนและองศาของตัวรถจากการคำนวณของกล่องควบคุม เฟืองท้ายลักษณะดังกล่าว ทำงานร่วมกับชุดเสริมแรงบิด Active Torque On Demand ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมกำลังให้กับระบบขับเคลื่อนทั้งหมด โดยจะทำการกระจายแรงบิดที่เหมาะสมและสมดุลไปยังล้อทั้ง 4 ผ่านเพลาขับ ช่วยทำให้การควบคุมตัวรถมีการยึดเกาะกับเส้นทางแบบออฟโรดได้ดียิ่งขึ้น เมื่อผมทดลองชิพเกียร์เองบนเส้นทางขึ้นสันเขื่อนศรีฯ ก็พบกับความเนียนของ ระบบส่งกำลังที่ตัดต่อขึ้น-ลงตามมือที่ขยับคันเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล แม้จะเป็นเส้นทางขึ้นเขาลงห้วยแถบอำเภอศรีสวัสดิ์ ชุดเกียร์ออโต้ของเจ้า New Captiva LTZ VDCi ก็ยังทำงานได้อย่างราบรื่นและไร้สิ้นซึ่งรอยต่อที่จะส่งอาการกระตุกกระชาก เกิดจากการจงใจในขั้นตอนการพัฒนาเพื่อทำให้มันขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตำแหน่ง ท่านั่งที่สูงโด่งกว่ารถเก๋ง ช่วยทำให้มุมมองในการขับขี่ควบคุมยนตรกรรม SUV ของค่าย Chevrolet คันนี้เปิดโล่งและมองได้ไกลขึ้นเมื่อปรับเบาะไฟฟ้าให้อยู่ในตำแหน่งยกตัวสูง สุด เสาหลังที่หนาอาจบดบังทัศนวิสัยเมื่อต้องการถอยหลังอยู่บ้างเนื่องจากมัน ไม่มีกล้องถอยติดมาให้ เจ้าของรถจึงจำเป็นต้องพึ่งเซนเซอร์สัญญาณเสียงเตือนและสายตาของตนเองยาม ต้องการขับถอยหลังเข้าซองแคบๆ แต่ที่ผมชอบก็คือแรงบิดรอบต่ำของเครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้ มันให้ความรู้สึกถึงแรงบิดที่ส่งผ่านชุดทดกำลังไปยังเพลาและล้อได้อย่าง สมบูรณ์และนิ่มนวล อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็วในระดับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลารอกันไม่นาน แทบจะเหมือนการขับรถเก๋งขนาดเล็กที่มีน้ำหนักเบา ทั้งๆที่ Captiva LTZ VCDi คันนี้มีมวลมากถึงเกือบสองตัน เบาะหลังนั่งได้สบายแบบซีดานแต่ผมไม่มีโอกาสลองนั่งที่เบาะแถวที่สาม เนื่องจากต้องขนทั้งกระเป๋าเสื้อผ้ากับสัมภาระจำนวนมาก ส่วนการวิ่งที่ความเร็วสูงกว่า 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พวงมาลัยและอาการของระบบรองรับยังคงมั่นคงดี เพียงแต่รอบปลายๆ ของเครื่องยนต์ตัวนี้อาจไม่จัดเท่าเครื่องยนต์เบนซิน แต่เทอร์โบที่ช่วยในการดึงอากาศในรอบต้นๆ ถึงปานกลางก็เป็นของจำเป็นสำหรับรถห้าประตูขนาดกลางคันนี้

สิ่ง ที่โดดเด่นของ เจ้า New Captiva VCDi คือเครื่องยนต์ดีเซลประหยัดเชื้อเพลิงและประสิทธิภาพโดยรวมของตัวรถ หากศูนย์บริการของ Chevrolet มีมากกว่านี้ และเร่งสร้างเสริมภาพลักษณ์กับการบริการของค่ายต่อลูกค้าให้มีความแข็งแกร่ง รวมถึงความเอาใจใส่เทียบเท่าค่ายรถจากญี่ปุ่นที่ครองตลาดในประเทศไทยมานาน ความนิยมในตัวรถ New Captiva จะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน สิ่งที่ดีคือโอกาสในการเร่งส่งตัวรถที่ลูกค้าจองได้ทันตามกำหนด ซึ่งเกิดจากสองค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota และ Honda ไม่สามารถประกอบรถที่ลูกค้าจองได้ทันตามกำหนดจากสภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ใน ประเทศไทย รถรุ่น Fortuner และ CRV ที่เป็นคู่แข่งโดยตรงของ Captiva จะหายไปจากโชว์รูมส์อย่างน้อยนานถึงกว่า 4 เดือนกว่าที่จะผลิตได้ทันส่งมอบลูกค้าอีกครั้งในช่วงกลางปี 2555 อานิสงส์ในครั้งนี้ จะแปรวิกฤติให้เป็นโอกาสสำหรับค่ายรถอเมริกันเจ้าของสัญลักษณ์โบไทอย่าง แน่นอน.

Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทดลองขับ CHEVROLET NEW CAPTIVA LTZ DIESEL (ตอนที่ 1)

Pic_224938
ทดสอบเข้มกับ Chevrolet New Captiva LTZ VCDi เครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง รีวิวตอนแรกกับรูปลักษณ์ภายนอก-ภายใน อุปกรณ์อำนวยความสะดวก เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง ระบบเบรก ระบบความปลอดภัยและระบบควบคุมการทรงตัว บนประสิทธิภาพของตัวรถแบบ SUV ที่หลายท่านเฝ้ารอ...

หลังจากบริษัท Chevrolet Sales Thailand Co.ltd ทำการเปิดตัวรถ SUV รุ่น Captiva เครื่องยนต์เบนซินไปเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2554 และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์แบบ 5 ประตูขับเคลื่อน 4 ล้อ ตามมาด้วยการเปิดตัว New Captiva เครื่องยนต์ดีเซลในงาน Motor Expo 2011 เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม โดยเน้นศักยภาพของแรงบิดรอบต่ำจากสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล 4 กระบอกสูบ ติดตั้งระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบซึ่งถูกพัฒนามาเพื่อตอบสนองการใช้งานหลากหลาย รูปแบบที่เน้นประสิทธิภาพของแรงบิด

หลัก แนวคิดในการออกแบบยานยนต์รุ่นใหม่ของ Chevrolet ถูกพัฒนาให้มีรูปลักษณ์ที่เฉียบคมขึ้นมาก ถึงแม้จะมีเชื้อสายอเมริกันอย่างเต็มตัวแต่รถ Chevrolet รุ่นล่าสุดทุกโมเดลทั้งเก๋งและปิกอัพหันมาใช้แนวทางการดีไซน์เส้นสายของตัว ถังภายนอกและการตกแต่งภายในสไตล์ยุโรป ทำให้ได้รูปแบบของรถ Chevrolet ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากยอดขายที่สูงขึ้นทุกปีโดยเฉพาะในประเทศไทย เมื่อมาถึงการออกแบบดีไซน์ตัวรถรุ่น Captiva ภาพลักษณ์ที่ถูกนำเสนอเป็นอันดับแรกคือความแข็งแกร่งของรูปทรงซึ่งต้องการ สื่อให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำงาน เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสำหรับการเคลื่อนที่เดินทางของมนุษย์

New Captiva เครื่องยนต์ดีเซลที่เพิ่งจะเปิดตัวไปแบบสดๆ ร้อนๆ ใช้หลักการออกแบบตัวถัง ภายนอกในรูปแบบอเนกประสงค์โดยเพิ่มเส้นสายที่สื่อให้เห็นถึงความล้ำสมัย และพลังที่สอดประสานไปบนงานดีไซน์ตัวถังของมัน โดยภาพรวมแล้วมันดูคล้ายกับรถ SUV จากเยอรมันมากกว่าจะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อของพวกอเมริกัน กระจังหน้ารูปแบบใหม่แนว Dual Port ขนาดใหญ่พร้อมด้วยกรอบโครเมี่ยมเพื่อเน้นความสวยงาม คาดกลางด้วยตราสัญลักษณ์โลโก้โบไทสีทองซึ่งถูกใช้เป็นรูปแบบใหม่ล่าสุดของ รูปทรงด้านหน้าในผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดทุกโมเดลภายในค่าย สปอยเลอร์หน้าชิ้นเดียว มีกรอบไฟตัดหมอกทรงกลมกับตะแกรงพลาสติกลายรังผึ้งที่ออกแบบได้อย่างลงตัว ชายล่างของสปอยเลอร์หน้ายังมีงานพลาสติกกันกระแทกสีเงินเพื่อเน้นถึงความ บึกบึนแข็งแกร่ง

ไฟ หน้าใช้โพลิเมอร์ใสทรงสี่เหลี่ยม ภายในบรรจุไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์พร้อมจานสะท้อนแสง ไฟเลี้ยวและไฟหรี่อยู่ในกรอบเดียวกันทั้งหมด ระบบไฟหน้าของ New Captiva LTZ ชุดไฟหน้าทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ ปรับระดับความสูง-ต่ำของไฟหน้าได้ 4 ระดับ ระบบ Automatic Parking Lamp ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของรถยามจอดรถในที่มืด โดยชุดเซนเซอร์จะทำการเปิดไฟหน้าค้างไว้หลังจากเจ้าของลงจากรถไปแล้ว 30 วินาที กระจกบานหน้าขนาดใหญ่มีมุมลาดเอียงที่ลงตัวกับแนวด้านข้างของตัวถัง ฝากระโปรงหน้ายกสันนูนเพื่อเพิ่มมิติของแสงและเงา โดยภาพรวมด้านหน้าของ New Captiva ต้องการสื่อให้เห็นถึงแนวทางในการนำเอากระจังหน้าแบบใหม่มีใช้กับผลิตภัณฑ์ ยานยนต์ภายในค่ายเกือบทุกรุ่น

แก้ม ข้างหรือ บังโคลนหน้าทั้งสองข้าง ถูกดึงโป่งซุ้มล้อขยายออกไปเพื่อให้เข้ากับความใหญ่โตของล้ออัลลอยลายห้า ก้านขนาด 19 นิ้ว กระจกมองข้างปรับไฟฟ้ามีเลนส์ไฟเลี้ยวอยู่ภายใน งานออกแบบตัวรถด้านข้างของ New Captiva สวยงามลงตัวด้วยแนวรางของแร็คหลังคาซึ่งใช้พลาสติกสีเงิน ประตูบานโต ซุ้มโป่งล้อหลังและแนวของกาบบันไดได้อย่างลงตัวและมีความสอดคล้องกับรูปแบบ ความอเนกประสงค์ของตัวรถเป็นอย่างดี New Captiva ดีเซลรุ่น LTZ ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุดใส่ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านขนาด 19 นิ้ว ห่อรัดเอาไว้ด้วยยางรุ่น Optimo K145 ขนาด 235/50/R19 ของบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์จากเกาหลียี่ห้อ Kumho เมื่อสังเกตดูให้ดีจะเห็นว่าฝากระโปรงหน้ากับกันชนหน้ามีแนวสันที่ผสมผสานไป กับแนวด้านข้างของตัวรถไปจนถึงเสาหน้า และเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นว่าฝากระโปรงหน้าถูกยกนูนขึ้นเล็กน้อย เกิดจากความจงใจในขั้นตอนของการออกแบบยานยนต์ยุคใหม่แทบจะทุกค่ายในโลกแห่ง ยนตรกรรม ที่มักนิยมใช้การออกแบบโดยยกสันของฝากระโปรงหน้าเพื่อความสวยงาม

บั้น ท้าย คือสัดส่วนที่กลมกลืนของ New Captiva มันถูกปรับเปลี่ยนสีของเลนส์ไฟท้าย จากที่เคยเป็นสีขาวมาเป็นสีแดง แต่ยังคงใช้หลอดไฟท้ายแบบธรรมดาแทนที่จะเป็นหลอด LED ตามแบบรถยนต์ยุคใหม่ทั่วไป ฝาท้ายบานใหญ่ เปิดออกได้ด้วยการยกบานฝาท้ายขึ้นในมุมสูงสุด ภายในมีการติดตั้งมือจับเพื่อความสะดวกเวลาใช้งาน ฝาท้ายคาดกลางด้วยงานพลาสติกโครเมี่ยมใจกลางมีตราสัญลักษณ์โบไท กระจกบานหลังฝาท้ายใช้มุมที่ลาดเอียงลงตัวไปกับแนวเสาหลัง มีใบปัดน้ำฝนติดตั้งมาให้ มุมบนมีไฟเบรกดวงที่สามซึ่งใช้หลอดไฟเบรกแบบปกติจำนวน 5 หลอดอยู่ในชิ้นกรอบเลนส์พลาสติกสีแดง มุมด้านบนของตำแหน่งติดตั้งแผ่นป้ายทะเบียนซ่อนที่เปิดฝาท้าย ส่วนสปอยเลอร์หลังติดตั้งโลหะสีเงินซึ่งเป็นแผ่นกันกระแทกเมื่อต้องยก กระเป๋าหรือสิ่งของจากบริเวณฝาท้ายเข้า-ออกจากตัวรถ ขอบด้านข้างทั้งสองของสปอยเลอร์หลังมีกรอบไฟสะท้อนแสงสีแดง ชายล่างของสปอยเลอร์หลังตรงกลางเป็นชิ้นพลาสติกกันกระแทกสีเงิน โดยถูกออกแบบให้เข้ากับชิ้นพลาสติกกันกระแทกที่ด้านหน้า ท่อระบายไอเสียทรงกลมสองตำแหน่งในมุมซ้าย-ขวา ภายในชุดสปอยเลอร์หลังยังติดตั้งเซนเซอร์ถอยหลังที่จะส่งสัญญาณเสียงเตือน เมื่อผู้ขับถอยรถเข้าใกล้วัตถุที่กีดขวาง

ภาย ในห้องโดยสารแบบใหม่ของ New Captiva ผสมผสานความอเนกประสงค์ของการใช้งานใน Cockpit ให้เข้ากับความหรูหราของวัสดุและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก แผงคอนโซนแนวตรงเน้นสันเหลี่ยมตรงคอนโซลกลางเพื่อวางตำแหน่งจอแสดงผล ใช้พลาสติกสีเงินตัดกับสีเทา-ดำแบบทูโทนของหนังที่ใช้หุ้มภายใน ตำแหน่งของเบาะคนขับปรับทิศทางท่านั่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงแค่ตำแหน่งเดียว ส่วนเบาะผู้โดยสารตอนหน้าใช้การปรับด้วยมือแบบแมนนวล

จอแสดง ผลขนาด 7 นิ้ว รวบรวมฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายเอาไว้ภายในพร้อมด้วยเมนูภาษาไทยเพื่อ เอื้ออำนวยความสะดวกในการเข้า-ออกจากโปรแกรมการสั่งงาน ซึ่งมีทั้งระบบแสดงข้อมูลของการเดินทางด้วย GPS ระบบบันทึกและเรียกดูสถานที่ต่างๆ ตามเส้นทางที่จะผ่านระบบโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth เครื่องเล่น DVD/CD/MP3 วิทยุ AM/FM พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB แจ้งเตือนอุณหภูมิภายนอก+ภายในพร้อมตำแหน่งทิศทางของตัวรถและระดับความสูง จากน้ำทะเล ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล ระบบ Driving Mode แสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอล ความเร็วเฉลี่ย อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่อระยะทางและน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง รวมถึงเข็มทิศแบบดิจิตอล

ชุด เครื่องเสียงแบบล่าสุด พัฒนาและออกแบบมาเพื่อติดตั้งในห้องโดยสารของ New Captiva มีชื่อเรียกว่า 3 Dimensional Sound Staging ให้รูปแบบสามมิติ ผลิตในฝรั่งเศสและใช้ระบบประมวลผล Microprocessor ซึ่งทางวิศวกรของ Chevrolet คุยว่าเป็นชุดเครื่องเสียงที่ดีที่สุดคันหนึ่งในยุคปัจจุบัน ระบบเสียงใน New Captiva ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเน้นความละเอียด คมชัดสมจริงในทุกมิติ ซึ่งปรับ Sound Staging ให้อยู่ในระดับหูของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร จัดทิศทางของเสียงที่ออกจากลำโพงทั้ง 8 ตัวให้อยู่ในบริเวณด้านหน้าของ Cockpit

พวง มาลัยแบบสี่ก้านหุ้มหนังสีดำติดตั้งสวิตช์ปรับแต่งอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ควบคุมการทำงานของเครื่องเสียง ตั้งค่าครูสคอนโทรล สวิตช์ควบคุมโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth สวิตช์ควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศฯ ส่วนคอนโซลกลางซึ่งเป็นที่อยู่ของจอแสดงผลมีชุดนาฬิกาดิจิตอลอยู่ด้านล่าง พร้อมด้วยปุ่มไฟขอทาง ปุ่ม On-Off ระบบควบคุมการทรงตัว สวิตช์ควบคุมการทำงานของระบบ HDC-Hill Descent Control หรือระบบป้องกันและควบคุมความเร็วขณะขับลงทางลาดชัน (เป็นระบบที่จะสั่งการให้เครื่องยนต์และเบรกทำงานสัมพันธ์กันโดยอัตโนมัติ เพื่อจำกัดความเร็วของรถในขณะที่ขับขี่ลงจากทางลาดชัน)

เบาะ ผู้โดยสารตอนหลังสามารถพับเก็บในแนวราบเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนสัมภาระ ส่วนเบาะทั้งตำแหน่งผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารด้านหลังมีเข็มขัดนิรภัย ติดตั้งมาให้ครบ ส่วนเบาะผู้โดยสารบริเวณตอนหลังสุดที่สามารถพับได้ยังมีช่องแอร์พร้อมสวิตช์ ควบคุมปรับตั้งความเร็วของพัดลมแอร์มาให้อีกด้วย ทำให้การใช้งานมีความสะดวกสบาย และเหมาะสมมากกับอุณหภูมิในประเทศไทยซึ่งเป็น เมืองร้อน เบาะที่นั่งในทุกตำแหน่งหุ้มหนังแท้และตัดเย็บอย่างประณีตโดยใช้โทนสีอ่อน เพื่อลดอุณหภูมิเมื่อจอดรถตากแดด ด้านหลังของชุดเบาะคู่หน้ายังมีตาข่ายใส่ของกระจุกกระจิก ช่องวางแก้วน้ำที่แผงประตู รวมถึงกล่องเก็บเครื่องมือ ฝาท้ายมีมือจับให้ใช้งานยามเปิด-ปิด พร้อมโช้คค้ำยันฝาท้ายที่เปิดออกได้โดยไม่ต้องออกแรงมากนัก

Chevrolet New Captiva คันทดสอบเป็นรุ่นสูงสุดรหัส VCDi LTZ วางเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 กระบอกสูบ 16 วาล์ว ติดตั้งระบบอัดอากาศเพื่อเพิ่มเติมสมรรถนะอัตราเร่งและแรงบิดรอบต่ำให้ดี ขึ้นด้วยชุดเทอร์โบแบบแปรผัน VGT ซึ่งพัฒนามาเพื่อให้กำลังตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำๆ ไปจนถึงรอบสูงสุด เครืิ่องยนต์ดีเซลตัวนี้มีปริมาตรความจุที่ 1998 ซีซี จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดแรงดันสูงแบบคอมมอนเรล-ไดเรคอินเจคชั่น ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,750 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบปรับเปลี่ยนเกียร์ DSC (Driver Shift Control) ชุดส่งกำลังของ New Captiva ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบเฟือง 6 สปีด ที่มีโหมดการทำงานร่วมกันกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ 2 ล้อหน้า ใช้คันเกียร์แบบ Driver Shift Control (DSC) โดยเพิ่มความสะดวกให้ผู้ขับขี่ที่สามารถเข้าเกียร์เองหรือจะให้สมองกลเกียร์ ทำงานปรับเปลี่ยนอัตราทดไปตามระดับความเร็วรถ ความเร็วรอบและแรงบิดของเครื่องยนต์ในอัตราส่วนที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยน เกียร์ทุกครั้ง ส่วนระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้าหรือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบ AWD -All Wheel Drive ระบบรองรับ ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพแก๊สและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระ 4 จุดยึดมัลติลิงก์ พร้อมระบบ Self Levelizer หนึ่งในเทคโนโลยี Self Balancing Integration ช่วงล่างหลังยกตัวอัตโนมัติเมื่อทำการบรรทุกสิ่งของ โช้คอัพด้านหลังจะช่วยปรับระดับโดยการยกตัวให้สูงขึ้น เพื่อรักษาสมดุลที่ดีระหว่างล้อหน้าและหลัง ป้องกันอาการท้ายห้อยเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพด้านการทรงตัว ชุดเบรกของ New Captiva ใช้ดิสเบรกทั้ง 4 ล้อพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS

ระบบ ความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัยรอบคัน Curtain Airbag พร้อมด้วยโครงสร้างตัวถังแบบโมโนค็อก เสริมความแข็งตั้งแต่พื้นถึงห้องโดยสาร ลดปัญหาการเสียรูปทรงเมื่อเกิดการชนหรือพลิกคว่ำ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ม่านถุงลมนิรภัยบริเวณด้านข้างเพื่อป้องกันศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร หากเกิดอุบัติเหตุ ระบบดิสเบรกแบบ 4 ล้อ มีครีบระบายความร้อนที่เบรกคู่หน้า พร้อมด้วยระบบป้องกันล้อล็อกหรือ ABS ระบบเสริมแรงเบรกไฮดรอลิก HBA ระบบกระจายแรงเบรกแบบอัตโนมัติ EBD ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control ระบบควบคุมเสถียรภาพของการทรงตัว ESP ชุดเบรกมือไฟฟ้าและระบบป้องกันการพลิกคว่ำ ARPbreak เสริมคานเหล็กนิรภัยด้านข้างป้องกันการชนกระแทกในทิศทางของบานประตู ทั้ง 4 บานหรือ Side Door Impact Beam เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ Hi-power pretensioner safety Belt

ระบบ ควบคุมการทรงตัวในรถ New Captiva ประกอบไปด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD หรือ Active On Demand 4WD ควบคุมและสั่งการด้วยระบบไฟฟ้า ในสภาวะปกติระบบส่งกำลังที่ทำงานเชื่อมต่อกับชุดสมองกล Active On Demand 4WD จะถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อคู่หน้าเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น ต่อเมื่อสภาพถนนแปรเปลี่ยนไปเช่นอยู่ในเส้นทางที่ขรุขระ ลื่นไถลหรือเป็นหล่มโคลน ตัวจับสัญญาณจะสั่งให้ชุดเฟืองท้ายแบบแม่เหล็กไฟฟ้า Active Coupling ทำการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อคู่หลังแบบอัตโนมัติในอัตราส่วน 50:50/60:70/70:30 ตามความเหมาะสมของสภาพถนนจากการคำนวณของกล่องควบคุม เฟืองท้ายลักษณะดังกล่าว ทำงานร่วมกับชุดเสริมแรงบิด Active Torque On Demand ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมกำลังให้กับระบบขับเคลื่อนทั้งหมด โดยจะทำการกระจายแรงบิดที่เหมาะสมและสมดุลไปยังล้อทั้ง 4 ผ่านเพลาขับ ช่วยทำให้การควบคุมตัวรถมีการยึดเกาะกับเส้นทางแบบออฟโรดได้ดียิ่งขึ้น.

ติดตามอ่าน ทดลองขับ Chevrolet New Captiva LTZ VCDi รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลได้ในตอนต่อไปครับ
รูปที่39
Chevrolet New Captiva LTZ VCDi Specifications
แบบ...........................................อเนกประสงค์ (SUV) 5 ประตู 7 ที่นั่ง
ผู้ผลิต.........................................Chevrolet
เครื่องยนต์.................................ดีเซล 4 กระบอกสูบ DOHC
ปริมาตรความจุ..........................1,998 ซีซี
กระบอกสูบxช่วงชัก...................86.0 มิลลิเมตร x 86.0 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด.....................16.3:1
แรงม้าสูงสุด...............................163 แรงม้าที่ 3,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด...............................360 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,700 รอบต่อนาที
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง......................หัวฉีดแรงดันสูงแบบคอมมอนเรล-ไดเรคอินเจคชั่น
ระบบรองรับ
ด้านหน้า.....................................อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพแก๊สและเหล็กกันโคลง
ด้านหลัง.....................................อิสระ 4 จุดยึดมัลติลิงก์ พร้อมระบบ Self Levelizer
ระบบ เบรค.................................ดิสเบรกทั้ง 4 ล้อ มีครีบระบายความร้อนที่เบรกคู่หน้า พร้อมด้วยระบบป้องกันล้อล็อกหรือ ABS ระบบเสริมแรงเบรกไฮดรอลิก HBA ระบบกระจายแรงเบรกแบบอัตโนมัติ EBD
ล้อและยาง..................................อัลลอยลาย 5 ก้านขนาด 19 นิ้ว ยาง Kumho Optimo K145 ขนาด 235/50/R19 ทั้ง 4 ล้อ
มิติตัวถัง
ความกว้าง...................................1,850 มิลลิเมตร
ความยาว.....................................4,673 มิลลิเมตร
ความสูง.......................................1,756 มิลลิเมตร
ความจุถังเชื้อเพลิง.......................65 ลิตร
น้ำหนัก........................................1,986 กิโลกรัม
ราคา
รุ่น 2.0 L DSL AT LSX...............1,395,000 บาท
รุ่น2.0 L DSL AT LT...................1,620,000 บาท
รุ่น2.0 L DSL AT LTZ (คันทดสอบ) 1,684,000 บาท

Arcom roumsuwan
E-mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom