วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

มาสด้า บีที-50 โปร ราคาเริ่มต้นที่ 5.89 แสน

กระบะ สวย โหด ดุ เกิดขึ้นมาอีกแล้วในตลาดกระบะเมืองไทย โดยมาสด้า บีที-50 โปร ได้ฤกษ์เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้ามาสด้า บีที-50 โปร ใหม่นี้มาแบบจัดเต็มจัดหนักเลยทีเดียว ทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 เกียร์ ออฟชั่นภายในเพียบ
การเปิดตัวหลังค่ายรถกระบะค่ายอื่น ไม่ได้ทำให้ มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่นี้ มีความน่าสนใจในตัวเองน้อยลงแต่อย่างมดครับ เพราะรูปร่างหน้าตาที่ใหม่หมดตั้งแต่ หัวจรดเท้า ที่ดูโฉบเฉี่ยว ไฉไล ผิดกับรถกระบะค่ายอื่นๆ ที่ดูบึกบึน น่าเกรงขาม ก็ทำให้ต้องหันมามองกันแบบคอเคล็ดแล้ว
เจ้าบีที-50 โปร ใหม่นี่ “หน้าหวาน” จริงๆ หวานจนผมคิดว่าจะกล้าเอาไปบรรทุกปลา มัน สับปะรด ได้ยังไง ถ้าจะให้บรรทุก ก็ต้องไปบรรทุกของไฮโซขึ้นมาหน่อยอย่างพวกสินค้าที่แปรรูปแล้วอย่างมาม่า ปลากระป๋อง อะไรก็ว่าไป
หน้าตาที่ดูเฉี่ยวของมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่นั้น โชอิจิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) บอกว่ามาสด้าต้องการออกแบบมาสด้า บีที-50 โปร นี้ให้โฉบเฉี่ยวจริงๆ เพราะต้องการฉีกทุกกฎของการออกแบบรถกระบะในแบบเดิมๆ ที่เน้นความแข็งแกร่งบึกบึนแต่เพียงอย่างเดียว

กระบะหน้าหวาน
มาสด้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องผิดที่รถกระบะจะขอสวยขึ้นมาเหมือนกับรถยนต์นั่ง มีความเป็นสปอร์ตใกล้เคียงกับรถเอสยูวีทีเดียว
ทำ ให้รู้ได้เลยว่า มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่นี้ ทางมาสด้าต้องการขยายกลุ่มลูกค้าเข้าไปยังกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ และลูกค้ากลุ่มครอบครัว ที่อยากได้รถกระบะแต่ยังกังวลในเรื่องของรูปร่างหน้าตาของรถ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความนุ่มนวลของช่วงล่าง ซึ่งมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่นั้นได้พัฒนามาอุดช่องว่างเหล่านี้หมดแล้ว
หน้าตาของมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่นี้ ถ้าใครจะชอบก็ชอบไปเลยครับ แต่ถ้าใครมองแล้วไม่ชอบก็น่าจะไม่ชอบไปเลยเหมือนกัน
โดยเฉพาะกระจังหน้าทรง 5 เหลี่ยม ไฟหน้าแบบบูเมอแรง (Boomerang Design) ในลักษณะเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งมาสด้านั้นดูแปลกตาไม่น้อยทีเดียว ส่วนการออกแบบด้านข้างนั้นมีเส้นสายทำให้ดูหวานๆ แถมความยาวของตัวรถยาวมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน จึงมีพื้นที่ให้สามารถใส่รายละเอียดในการออกแบบ
ซุ้มล้อหน้าขนาดใหญ่ที่ใช้ในการออกแบบรถยนต์นั่งของมาสด้า ที่ทำให้ตัวถังดูใหญ่มีมิติที่สวยงาม การออกแบบด้วยรูปทรง พื้นผิว และเส้นสาย ที่สัมพันธ์กันและต่อเนื่องจากซุ้มล้อหน้าไล่ไปจนถึงด้านท้ายรถ ทำให้ดูแข็งแกร่ง ปราดเปรียว
ส่วนด้านหลังของรถ มีไฟท้ายดีไซน์ในแนวนอนที่บ่งบอกถึงความสปอร์ตแบบรถยนต์นั่งมาสด้า เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ที่ไม่เหมือนรถกระบะคันอื่นๆ
ขณะที่ภายใน ส่วนตัวแล้วผมชอบครับ เพราะ “ดูดี”  ไม่น้อยเลย ดูสปอร์ตๆ หน่อยเสียด้วย ทั้งพวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้านแบบมัลติฟังก์ชัน แผงหน้าปัด คอนโซลกลาง ออกแบบดูลงตัวดีทีเดียว ส่วนเบาะนั่งนั้นมีมาให้เลือก 3 แบบ คือ เบาะผ้าลายปกติ เบาะผ้าลายสปอร์ต ขึ้นอยู่กับระดับของรุ่นรถ และเบาะหนัง
ที่คอนโซลกลาง มีหน้าจอขนาด 3.5 นิ้ว สำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ หรือ MID (Multi-Info Display) ที่แสดงรายละเอียดในการขับ ไม่ว่าจะเป็นระยะทางคงเหลือที่รถจะวิ่งได้ เมื่อเทียบกับน้ำมันในถัง อัตราการบริโภคน้ำมัน ความเร็วเฉลี่ย และอุณหภูมิภายนอก

ภายในสวยๆ
เครื่องเสียงมีระบบบลูทูธ เชื่อมต่อกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ และมีช่องต่อ AUX/USB ลำโพงเสียงแหลม ที่ติดตั้งมาให้เลย และระบบกุญแจนิรภัย อิมโมบิไลเซอร์ เป็นมาตรฐานในทุกรุ่น
ความกว้างขวางภายในไม่ต้องห่วงครับ เพราะตัวถังทั้งสองแบบของมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ คือ แบบโอเพน แคป กับ ดับเบิล แคป นั้นมีความยาว ความกว้าง และความสูง มากกว่ารุ่นปัจจุบัน จึงให้พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง รวมทั้งพื้นที่ในการบรรทุกที่มากมาย การเข้า-ออกห้องโดยสารทำได้ง่ายและสะดวกกว่าในรุ่นปัจจุบันด้วยประตูขนาด ใหญ่ และมุมองศาที่เปิดได้กว้างมากยิ่งขึ้น เรียกว่าให้มา “เพียบ” ครับ

ส่วนหัวใจสำคัญอย่างเครื่องยนต์ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ มีเครื่องยนต์รุ่นใหม่มาให้เลือก 2 รุ่น คือ เครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 ลิตร และ Di-THUNDER PRO 3.2 ลิตร ที่มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งถือเป็นกระบะรุ่นแรกที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
เครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 ลิตร คอมมอนเรล ไดเรกอินเจกชัน 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุดถึง 150 แรงม้า (110kw) ที่ 3,700 รอบ แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 3.2 ลิตร นั้น เป็นเครื่องยนต์ 5 สูบ 200 แรงม้า (147kw) ที่ 3,000 รอบ และแรงบิดสูงสุดถึง 470 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ


เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร 150 แรงม้า
หันมาด้านระบบช่วงล่างหน่อยครับ ระบบช่วงล่างด้านหน้าของมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ เป็นแบบอิสระแบบปีกนกคู่ (Double-wishbone) และคอยล์สปริง ด้านหลังแบบคานแข็งและชุดแหนบ (Leaf-Spring) ที่มาสด้าบอกว่าจะให้ความนุ่มสบายในการขับขี่ทั้งเมื่อบรรทุกและไม่บรรทุก และยังคงคุณสมบัติความแข็งแกร่งที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถ
ขณะที่ระบบบังคับเลี้ยว แร็ก แอนด์ พีเนียน (Rack-and-Pinion Steering) ถูกนำมาใช้ใหม่เช่นเดียวกับในรถยนต์นั่ง ใช้การยึดด้วยโครงสร้างแบบ Rigid Mounting ที่ให้ความรู้สึกตอบสนองได้ดี อัตราทดพวงมาลัยที่รวดเร็วมากขึ้นและองศาการเลี้ยวที่เพิ่มมากขึ้น
ด้านระบบความปลอดภัยก็ไม่น้อยเหมือนกันครับ ทั้งระบบเบรก ABS 4 ล้อ (Antilock Braking System, 4W-ABS) ระบบป้องกันการลื่นไถล (Traction Control System, TCS) และระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control, DSC)
ส่วนสนนราคาเริ่มต้นที่ 5.89 แสนบาท ที่รุ่นฟรีสไตล์แคป 4x2 S 2.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ถ้ารุ่น 4x2 Hi-Racer (ยกสูง) เกียร์ธรรมดา ราคาอยู่ที่ 6.83 แสนบาท ถ้าอยากแรงต้องรุ่น 3.2 เกียร์ธรรมดา ก็ราคา 8.14 แสนบาท
ถ้าใครอยากได้ดับเบิลแคป หรือ 4 ประตู ก็เริ่มต้นที่รุ่นเกียร์ธรรมดา 4x2 s 2.2L ที่ 6.29 แสนบาท เสริมเอบีเอส เข้าไปเป็น 7.64 แสนบาท ถ้ายกสูง แต่ไม่มีเอบีเอส ก็อยู่ที่ 7.46 แสนบาท ยกสูง มีเอบีเอส เกียร์อัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เบาหนัง ราคาวิ่งไปที่ 9.43 แสนบาท
ถ้าต้องการทั้งแรงทั้งสบายแพงสุดๆ ก็ต้อง รุ่น 4x4 R 3.2L มีทั้งเอบีเอส DSC เบาะหนัง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ควักไป 9.88 แสนบาท
เฮ้อ... สวย โหด ดุ จริงๆ !!

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

แจ๊ซ จ๋า เชฟโรเลต โซนิค มาแล้ว

เชฟโรเลต เตรียมเปิดตัวรถเล็กอย่างเชฟโรเลต โซนิค และรถพีพีวี เชฟโรเลต เทรลเบรเซอร์ ในปีนี้ โดยคาดว่ารถใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้จะทำให้ยอดขายโตขึ้น 170%

เชฟโรเลต โซนิค ฮัทช์แบ็ก
หลังจากอุบเงียบมานาน ในที่สุด มร.อันโตนิโอ ซาร่า รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย ประจำประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) หรือ จีเอ็ม และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) ก็ออกมายอมรับว่าในปีนี้ เชฟโรเลต จะเปิดตัวรถใหม่ 2 รุ่น คือ โซนิค และเทรลเบรเซอร์
ทั้งนี้ แผนงานการเปิดตัวรถเชฟโรเลตรุ่นใหม่ถึง 2 รุ่นในปีนี้ ประกอบกับกับรถเชฟโรเลตที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน ทำให้เชฟโรเลต มั่นใจว่าในปีนี้จะมียอดขายสูงถึง 85,210 คัน มากกว่าปีที่แล้วถึง 170% และจะส่งให้เชฟโรเลต มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 5% จะเพิ่มเป็น 9%
สำหรับรายละเอียดของรถใหม่ทั้ง 2 รุ่นนั้น ทางเชฟโรเล็ต ยังไม่เปิดเผยอะไรมากนัก แต่ที่ทราบกันโดยคร่าวๆ คือ เชฟโรเลต เทรลเบรเซอร์ นั้น พัฒนามาจากรถกระบะโคโลราโด เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เพื่อมาแข่งขันกับตลาดรถกระบะดัดแปลงค่ายอื่น ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีซูซุ มิว7 และในอนาคตยังจะมี ฟอร์ด เอเวอร์เรส อีกด้วย

เชฟโรเลต เทรลเบรเซอร์
ขณะที่เชฟโรเลต โซนิค นั้นน่าจะเป็นรถธงของ เชฟโรเลต ในปีนี้ โดยจะเข้ามาทำตลาดแทน เชฟโรเลต อาวีโอ ที่จะทำตลาดแค่เครื่องยนต์ซีเอ็นจี เท่านั้น
เชฟโรเลต โซนิค นั้นมีทั้งแบบ 4 ประตู และ 5 ประตู ส่วนเครื่องยนต์ที่จะนำมาจำหน่ายในประเทศไทยคาดว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบขนาด 1.4 ลิตร แต่ให้แรงม้ามากถึง 135 แรงม้า มาเป็นตัวทำตลาด แต่ในต่างประเทศมีเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ซึ่งเป็นเคริ่องยนต์เดียวกับ เชฟโรเลต ครูซ ด้วย

เชฟโรเลต โซนิค 4 ประตู


ภายใน เชฟโรเลต โซนิค
edit @ 30 Jan 2012 09:15:45 by car2hot

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

TOYOTA ALL NEW AVANZA 2012

Pic_233051
วิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท Toyota Motor Thailand Co.ltd เปิดเผยถึงการแนะนำรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 5 ประตู 7 ที่นั่ง All New Toyota Avanza - Smart in Style...

บริษัท Toyota Motor Thailand Co.ltd แนะนำ Avanza รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 5 ประตู 7 ที่นั่ง สู่ตลาดเมืองไทยครั้งแรก เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2547 ในรูปแบบรถยนต์นั่งแนวใหม่ Compact Multi - Purpose Vehicle ที่มีความคุ้มค่าสูงสุด ด้วยขนาดของห้องโดยสารที่รองรับผู้โดยสารในการเดินทางได้ถึง 7 คน สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเบาะนั่งเพื่อบรรทุกสัมภาระ พร้อมด้วยความคล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ทนทาน อัตราการดูแลรักษาต่ำ โดยได้รับความนิยมจากลูกค้า มียอดขายสะสมนับจากการเปิดตัวจนกระทั่งปัจจุบัน 24,133 คัน* (ยอดจำหน่ายตั้งแต่เปิดตัวปี 2547 – เดือนพฤศจิกายน 2554)

นาย วิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า New Avanza เป็นรถยนต์ที่มีความคุ้มค่า เหมาะสมอย่างยิ่งกับการใช้งานในเมืองด้วยรูปแบบรถอเนกประสงค์ พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Dynamic & Spacious ด้วยการออกแบบพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้มีความกว้างขวางมากขึ้น เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง พร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอยสูงสุด ในขณะที่รูปโฉมภายนอกได้รับการดีไซน์ให้มีความทันสมัย ภายในห้องโดยสารดีไซน์สปอร์ต หรูหรา และ กว้างขวางยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ขนาด 1500 ซีซี ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะดีขึ้น พร้อมด้วยระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-i ให้กำลังสูงสุด 101 แรงม้า ตอบสนองการใช้งานคล่องตัว ประหยัดน้ำมัน สามารถใช้น้ำมันแก๊ซโซฮอล์ E20 รวมถึงผ่านมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวด EURO-4 ก่อนการบังคับใช้จริงถึง 1 ปี นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงช่วงล่างใหม่เพื่อตอบสนองการขับขี่ที่นุ่มนวล และการทรงตัวที่ดียิ่งขึ้น

กลุ่ม ลูกค้าหลักของ Avanza ได้แก่ คนหนุ่มสาว ช่วงอายุประมาณ 25-35 ปี หรือเพิ่งเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ใช้เหตุผลในการใช้จ่าย ซึ่ง Toyota Motor มั่นใจว่า Avanza ใหม่ จะเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 5 ประตู 7 ที่นั่ง ที่มีความคุ้มค่า และง่ายแก่การเป็นเจ้าของ ทั้งในด้านของราคา และความเปี่ยมอรรถประโยชน์ใช้สอย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยมีเป้าหมายการขายในช่วงแนะนำ 3 เดือนแรกประมาณเดือนละ 500 คัน และเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญอีกรุ่นหนึ่งของโตโยต้าที่จะช่วยเสริมตลาด เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการขายต่อไป รถ New Avanza มีสีให้เลือก 3 สี คือ White / Black Metallic / Silver Mica Metallic

ราคา Toyota New Avanza 2012


1.5 S เกียร์อัตโนมัติ................ราคา 699,000 บาท
1.5 G เกียร์อัตโนมัติ...............ราคา 659,000 บาท
1.5 E เกียร์ธรรมดา.................ราคา 569,000 บาท

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ -ดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกแบบ Dynamic
-โคมไฟท้าย และไฟหน้าแบบ Multi Reflector เพิ่มความมั่นใจทุกเส้นทางการขับขี่
-กระจังหน้าดีไซน์สีเดียวกับตัวรถ ตกแต่งด้วยโครเมี่ยม
-กันชนหน้า-หลัง และ สเกิร์ตข้างสีเดียวกับตัวรถ
-ไฟตัดหมอกหน้า
-กระจกมองข้างแบบปรับไฟฟ้า
-สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก LED
-ที่ปัดน้ำฝนหน้า – หลัง...ปรับความเร็วได้ 3 ระดับ พร้อมที่ฉีดน้ำ

การออกแบบภายในห้องโดยสารแบบ Spacious
-เน้นพื้นที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
-ดีไซน์ภายในห้องโดยสารเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร
-สามารถเข้าออกได้อย่างสะดวกรูปแบบการจัดวางเบาะ และลักษณะของตัวรถที่สูง
-แผงคอนโซลกลางออกแบบให้ลาดต่ำ เพื่อทัศนวิสัยในการขับขี่
-พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS แบบปรับสูง-ต่ำได้ รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.7 เมตร
-เบาะนั่ง 3 แถว แบบเลื่อนและปรับเอนได้…สะดวกสบาย
-เบาะแถวที่ 2 เลื่อนสไลด์ได้ สามารถพับแบบแยกส่วน 50/50 พร้อมระบบพับและยกขึ้นจังหวะเดียว (1-touch tumble)
-เบาะแถวที่ 3 พร้อมหมอนรองศีรษะ พนักพิงแยกพับ 50/50 พับเก็บไปข้างหน้าได้ด้วยระบบพับและยกขึ้นแบบ 2 จังหวะ
-จอแสดง ผลข้อมูลการขับขี่ (Multi Information Display) แสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการขับขี่ อาทิ ระยะทางรวม อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย และความเร็วเฉลี่ย
-มาตรวัดระยะทางแบบใหม่
-กระจกหน้าต่างแบบปรับไฟฟ้า 4 บาน
-กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน
-ชุดเครื่องเสียงแบบ 2DIN พร้อมซีดี 1 แผ่น รองรับ MP3 / WMA
-ช่องเสียบ AUX / USB / iPod
-ระบบปรับอากาศแยกส่วนแบบ 2 ตอน แยกส่วนสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และตอนหลัง
-ไฟเตือนประตูปิดไม่สนิท / เตือนลืมคาดเข็มขัดนิรภัย
-ช่องเก็บของหลายจุด ที่คอนโซลกลาง ประตูทั้ง 4 บาน และด้านข้างเบาะนั่งแถวที่ 3
-ที่วางขวดน้ำบริเวณคอนโซลหน้าด้านคนขับ คอนโซลกลาง ประตูทั้ง 4 บาน และด้านข้างเบาะนั่งแถวที่ 3 รวมทั้งสิ้น 14 จุด

Toyota All New Avanza Specificationsเครื่องยนต์...................................3SZ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i
ปริมาตรความจุ..........................1.5 ลิตร 1,500 ซีซี
แรงม้าสูงสุด...............................101 แรงม้า (74 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด..............................133 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที
ระบบจ่ายน้ำมัน..........................หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI
น้ำมันเชื้อเพลิง...........................เบนซิน ออกเทน 91 รองรับเบนซิน E20
มาตรฐานไอเสีย.........................EURO-4
อัตราประหยัดน้ำมัน...................ประหยัดขึ้น 8% เมื่อเทียบกับ Avanza 1,500 ซีซี รุ่นเดิม
ระบบ ส่งกำลัง.............................เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ECT ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ในรุ่น 1.5S A/T และ 1.5G A/T) และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด (ในรุ่น 1.5E M/T)

ระบบช่วงล่าง
ด้านหน้า......................................อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง

ด้านหลัง......................................โฟร์ลิงค์คอยล์สปริง พร้อมคานควบคุมการบิดตัวแนวขวาง

ระบบขับเคลื่อน...........................ขับเคลื่อนล้อหลัง
ระบบห้ามล้อ...............................ดิสก์เบรกด้านหน้า และดรัมเบรกด้านหลัง

ล้อและยาง..................................ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ยางหน้ากว้างขนาด 185/65 R15

ระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ : Active Safety

-ระบบ ป้องกันล้อล็อก ABS (Anti – lock Braking System) ควบคุมการทำงานด้วยระบบ ECU เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทิศทางและหักหลบสิ่งกีดขวางได้ในขณะเบรก
-ระบบ กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution)…เพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวขณะเบรก กระจายแรงเบรกอย่างเหมาะสมตามน้ำหนักบรรทุก และความเร็ว
-ไฟหน้าแบบ Multi Reflector พร้อมไฟตัดหมอกหน้า
-สัญญาณกะระยะถอยหลัง
-กระจกบังลมหน้าอัดซ้อนนิรภัย
-แผงไล่ฝ้ากระจกหลัง
-ไฟเบรกดวงที่ 3
-กุญแจรีโมต Immobilizer
-ล็อกกันเด็กที่ประตูหลัง

ระบบช่วยลดความบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ : Passive Safety

-เข็มขัดนิรภัย ELR ยึด 3 จุด 6 ตำแหน่ง และแบบ NR ยึด 2 จุด 1 ตำแหน่ง
-โครงสร้างนิรภัย GOA (Global Outstanding Assessment)
-โครงสร้างนิรภัยเสริมความแข็งแรง
-พวงมาลัยแบบยุบตัวได้
-ถุงลมนิรภัย SRS (Supplemental Restraint System Airbag) ที่พวงมาลัยด้านคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า


Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

HONDA ตอกย้ำความผูกพันกับสังคมไทย ในงาน BOI FAIR 2011

Pic_229147
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท Honda Automobile Thailand Co. ltd 
กล่าวว่า "Honda รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการ BOI Fair 2011 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ Honda ได้น้อมนำแนวพระราชดำริด้านเศรษฐกิจพอเพียง และการจัดการสิ่งแวดล้อมมาประยุกต์ใช้ใน
การดำเนินธุรกิจ และกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อพัฒนาให้ Honda และสังคมไทยเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน

Honda ได้แรงบันดาลใจจากน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เปรียบ ดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจประชาชนไทยทั่วประเทศ มาออกแบบ Pavilion โดยดีไซน์เป็นม่านน้ำตกขนาดใหญ่แห่งแรกและแห่งเดียวของไทย ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านดีไซน์แบบ eco ที่ใช้ม่านน้ำแทนผนังโครงสร้าง คำนึงถึงคุณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยน้ำจะช่วยกรองความร้อนที่เข้ามาใน Pavilion ขณะเดียวกันก็มีความโปร่ง ทำให้แสงสว่างส่องเข้ามาถึงภายใน จึงช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าภายใน Pavilion ได้ถึง 40% จากทิศทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการ พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม หรือ “ Dreams for a Better Living” Honda Pavilion นำเสนอภายใต้แนวคิด Enjoy Honda ถ่ายทอดออกมาเป็นเมืองที่มีความทันสมัย แต่มีความเรียบง่าย บนพื้นที่ 2,000 ตร.ม. โดยจะจัดแสดงนิทรรศการ ตลอดจนเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมดังต่อไปนี้

-นิทรรศการ เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วยแนวพระราชดำริด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ Honda ได้น้อมนำมาปฏิบัติจริงในการดำเนินธุรกิจ และสนับสนุนให้โรงเรียนและเยาวชนไทยได้นำไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหาด้าน น้ำ ขยะ พลังงาน ภายใต้โครงการ “โรงเรียนสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อม 
เฉลิมพระเกียรติ” ที่ Honda ได้ดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2542

-เทคโนโลยี ยานยนต์สีเขียว ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ที่จะขับเคลื่อนโลกอนาคตให้เต็มไปด้วยสี เขียวและอากาศบริสุทธิ์ อาทิ Honda Brio / Honda Jazz Hrbrid / Honda CRZ Hybrid รถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดรุ่นต่างๆ รถจักรยานยนต์ Honda Goldwing และ Honda EV-NEO

-Concept ระบบบ้านที่สามารถผลิตพลังงานสะอาดใช้ได้เองอย่างอิสระ (Honda Smart Home System) ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมการใช้พลังงานภายในครัวเรือนแบบองค์รวม สามารถผลิตและจัดสรรการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงานภายในที่อยู่ อาศัยและการใช้ยานพาหนะ นอกจากนี้ ยังสามารถผลิตพลังงานได้จากประเภทเชื้อเพลิงที่หลากหลาย ช่วยให้มีพลังงานสำรองใช้ในยามฉุกเฉินหรือเกิดภัยพิบัติ

การออกแบบภายนอก Honda Pavilion
การ ออกแบบภายนอก Honda Pavilion มีไฮไลต์สำคัญคือ ม่านน้ำตกขนาดใหญ่ แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย 
ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเปรียบดังน้ำทิพย์ชโลมใจให้ทุกคนที่เข้ามาภายใน Honda Pavilion ได้สัมผัสกับความร่มเย็นจากม่านน้ำ ด้วยนวัตกรรมด้านดีไซน์แบบ eco ที่ใช้ม่านน้ำแทนผนังโครงสร้าง คำนึงถึงคุณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้น้ำช่วยกรองความร้อนที่จะเข้ามาใน Pavilion แต่ในขณะเดียวกันก็มีความโปร่ง ทำให้แสงสว่างส่องเข้ามาถึงภายใน จึงช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 40%

Honda Brio
ยาน ยนต์ Eco Car ขนาดกะทัดรัด ซึ่งได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการรถยนต์ราคาประหยัด ด้วยรูปลักษณ์และสไตล์ของตัวรถที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานในเมืองใหญ่ สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E20 ได้ และมีอัตราการประหยัดน้ำมันถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 20 กรัม/กิโลเมตร ผ่านมาตรฐาน EURO-4

Honda Jazz Hybrid
นวัต กรรมยานยนต์ที่มอบความคุ้มค่าที่สุดสำหรับรถยนต์ Hybrid ของ Honda 
ครบทั้งความสวยงาม สมรรถนะและประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน ประโยชน์ใช้สอยสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง 30 กิโลเมตรต่อลิตร คายไอเสียต่ำ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีระบบ Eco Assist (Ecological Drive Assist System) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สูงสุด
CR-Z Hybrid
ยนตรก รรมไฮบริดแบบสปอร์ตของ Honda วางครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC และระบบมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Motor Assist (IMA) ซึ่งมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา มีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 25 กม./ลิตร (รุ่นเกียร์ CVT) และ 22.5 กม./ลิตร (ในรุ่นเกียร์ธรรมดา) รูปลักษณ์แบบรถสปอร์ต 3 ประตู สวยงาม เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการขับเคลื่อน เพิ่มความสนุกในทุกการขับขี่ และช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในงาน Motor Expo 2011

Honda Gold Wing
รถ จักรยานยนต์ ทัวร์ริ่ง ที่ได้รับการติดตั้งระบบถุงลมนิรภัยในรถจักรยานยนต์เป็นครั้งแรกของโลก จักรยานยนต์ Honda Gold Wing ปี 2012 อำนวยความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ ใช้นวัตกรรมขั้นตอนการประกอบที่ทันสมัย และมีระบบรองรับหรือระบบกันสะเทือนโดดเด่นมากที่สุดในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ขนาด ใหญ่เครื่องยนต์เกิน 1,200 ซีซี รถจักรยานยนต์ Honda Gold Wing มีโครงสร้างตัวถังที่ดีที่สุดเท่าที่ Honda เคยผลิตมา ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 1,800 ซีซี มีระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง 6 กระบอกสูบ และเกียร์ 5 สปีดที่เพิ่มอัตราเร่งเต็มขั้น ให้พลังการขับเคลื่อนสูงสุดในกลุ่มรถจักรยานยนต์แบบ Bigbike

Honda EV-Neo
รถ จักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้าได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ในธุรกิจเชิง พาณิชย์ เช่น การขนส่งสินค้า และบริการการจัดส่งของ และภายใต้ Concept ของการพัฒนา เงียบและสะอาด (quiet and clean) 
โดดเด่นด้วยสมรรถะด้านสิ่งแวดล้อมของเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ให้ค่าไอเสียเป็นศูนย์ ขับขี่ง่ายและไม่มีเสียงดังรบกวน พร้อมระบบประหยัดพลังงานอัตโนมัติ ที่เครื่องยนต์จะดับเองขณะเปิดสวิตช์อยู่ หากผู้ขี่สตาร์ตรถทิ้งไว้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ENEPO EU9iGB
เครื่อง กำเนิดไฟฟ้าแบบใช้แก๊ส ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากแก๊สบิวเทนกระป๋อง สามารถเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำหรับกิจกรรมยามว่างนอกสถานที่ได้ และเป็นแหล่งพลังงานสำรอง เมื่อเกิดไฟตก เมื่อบรรจุแก๊สบิวเทน 2 กระป๋อง เครื่องสามารถทำงานติดต่อกันได้นานสูงสุดถึง 2.2 ชั่วโมง สามารถเปลี่ยนกระป๋องเชื้อเพลิงได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์กรองแก๊สก่อนส่งเข้าห้องเผาไหม้ จึงช่วยลดปัญหาเชื้อเพลิงอุดตันในท่อส่ง เครื่องจึงทำงานได้นานขึ้น และทนทานมากขึ้น ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เก็บเสียงมาตรฐาน และมีฝาครอบเครื่องที่ลดการเกิดเสียงรบกวน ENEPO เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 900 วัตต์ แบบ inverter ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างคงที่ มีประสิทธิภาพเทียบเท่าพลังงานไฟฟ้ามาตรฐานที่ใช้ภายในบ้าน สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ อาทิ เตาไฟฟ้า กาต้มน้ำ โคมไฟ คอมพิวเตอร์ ได้อย่างปลอดภัย




"จาก วิสัยทัศน์ของ Honda ซึ่งต้องการเป็นบริษัทที่สังคมอยากให้ดำรงอยู่ Honda ได้ตั้งเป้าหมายที่จะลด
การปล่อย Co2 จากผลิตภัณฑ์ของ Honda ทั่วโลกลงอีก 30% ภายในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2543 Honda จะเดินหน้าวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสนุกสนานและอิสระในการเคลื่อนที่ควบคู่ไปกับ
การสร้างสรรค์ สังคมที่ยั่งยืนเพื่อให้ทุกๆ คนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป" นายพิทักษ์กล่าว "Honda ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกว่า 47 ปี รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และซาบซึ้งในการสนับสนุนของคนไทย ทำให้ธุรกิจของ Honda เติบโตมาจนทุกวันนี้ เราขอยืนยันเจตนารมณ์ที่จะเดินเคียงข้างและเติบโตไปพร้อมๆ กับสังคมไทย ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับ
ความยากลำบากขนาดไหน เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นที่คนไทยมีให้กับ Honda และผลิตภัณฑ์ของเราด้วยดีเสมอมา" นายพิทักษ์ กล่าวในตอนท้าย



เชิญ สัมผัสยนตรกรรม และเทคโนโลยีเพื่อโลกและชีวิตที่ยั่งยืนใน Honda Pavilion ในงาน BOI Fair 2011 ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 5 – 20 มกราคม 2555 พร้อมชมโชว์พิเศษ 
Dreams for a Better Living โดยมีกำหนดการแสดงทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.30 – 20.25 น. (รอบละ 25 นาที) หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ HYPERLINK http://www.hondaboi2011.com http://www.hondaboi2011.com

Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

TOYOTA PAVILION จัดแสดงเทคโนโลยีอนาคตในงาน BOI FAIR 2011

Pic_228239
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท Toyota Motor Thailand Co.ltd แถลงแนะนำ Toyota Pavilion ในงาน BOI Fair 2011 เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 บริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี...

บริษัท Toyota Motor Thailand Co.ltd เข้าร่วมจัดแสดงในงาน BOI Fair เป็นครั้งที่ 3 โดยในครั้งนี้จัดแสดงบนพื้นที่ขนาด 2,000 ตารางเมตร ริมทะเลสาบเมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 5 – 20 มกราคม 2555 ภายใต้แนวคิด “Toyota Leads The Way Towards Better Sustainable Mobility Society” เพื่อต้องการสื่อถึงการสร้างสมดุลระหว่างมนุษย์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมอย่างกลมกลืน และก่อให้เกิดสังคมแห่งความยั่งยืน ที่ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ควบคู่กับความล้ำสมัย เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกของ Pavilion ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและความทันสมัยเข้าไว้ด้วย กัน ให้ความรู้สึกที่กลมกลืนของเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมที่อยู่เคียงคู่กัน สะท้อนถึงความทันสมัยควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พลังงานด้วยผนังลายฉลุรอบอาคาร เพื่อปกป้องความร้อนจากแสงอาทิตย์ พร้อมกระจกม่านน้ำขนาดใหญ่ด้านหน้าอาคาร ที่มีคุณสมบัติทั้งสามารถช่วยลดปริมาณความร้อนและลดการใช้พลังงาน พร้อมพื้นที่เพื่อการพักผ่อนด้วยสวนสีเขียว เพิ่มความร่มรื่นท่ามกลางนวัตกรรมอันทันสมัยใน Toyota Pavilion ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมชม Toyota Pavilion จะได้พบกับเรื่องราวจากปัจจุบันสู่อนาคต กับเทคโนโลยีของ Toyota โดยแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ

โซนที่ 1
การ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขกับโตโยต้า (Happy Living With Toyota) จัดแสดงการมีส่วนร่วมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนในโครงการ “ถนนสีขาว” ซึ่งผู้เข้าชมทุกท่านจะได้พบกับ

ด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน

1. โรงงานแห่งความยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงกระบวนการผลิตที่ลดการก่อ และปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อม

2. Stop Global Warming ความร่วมมือระหว่าง Toyota กับเครือข่ายลดโลกร้อนที่มีอยู่ใน 77 จังหวัด ทั่วประเทศ ในการจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างจิตสำนึกเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตเพื่อการอยู่ ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน

3. โรงสีข้าวรัชมงคล การดำเนินการตามรอยพระยุคลบาท ในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร ในราคายุติธรรม และจำหน่ายข้าวสารในราคาที่เหมาะสม โดยมิได้หวังผลกำไรจากการดำเนินงาน

ด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน


1. White Road Society App. ฟรีดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น ที่ให้ความสนุกพร้อมสร้างจิตสำนึกของการขับขี่อย่างปลอดภัย

2. i – table Road Safety สร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับกฎจราจร ผ่านจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่

3. Toyota CSR Facebook สังคมออนไลน์ของการทำความดีเพื่อสังคม และที่พิเศษเฉพาะงานนี้ คือ CSR Service Corner ที่มาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการซ่อม และดูแลรักษารถยนต์ที่ประสบภัยน้ำท่วม

โซนที่ 2 ก้าวไปกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัยกับ Toyota (Advanced Technology With Toyota)

Toyota มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากรถยนต์ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Toyota ได้พัฒนาหุ่นยนต์ Partner Robot เพื่อให้เป็นผู้ช่วยของมนุษย์ ที่มีทั้งความฉลาดและอ่อนโยน โดยได้นำวิทยาการของอุตสาหรรมหุ่นยนต์มาผสานกับสุดยอดเทคโนโลยีจาก อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมไอที โดยแบ่งแนวทางการพัฒนาออกเป็น 4 ด้าน ด้านการแพทย์ (Medical and Welfare support) ด้านการเดินทาง (Mobility support) ด้านงานบ้าน (Housework support) และด้านโรงงาน (Manufacture support) เพื่อเน้นพัฒนาความสามารถเฉพาะทางให้ดีที่สุด

Partner Robot
หุ่น ยนต์ผู้ช่วยที่มีความคล่องแคล่ว อบอุ่น และมีทักษะในการใช้อุปกรณ์ต่างๆได้หลากหลาย โดยจะมาแสดงความสามารถในการเล่นไวโอลิน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่ต้องใช้ทักษะอย่างสูงในการควบคุมการเคลื่อนไหวของ นิ้วมือซ้ายเพื่อจับคอร์ด รวมถึงส่วนของข้อมือขวา ที่ควบคุมน้ำหนักการสีคันชักได้ละเอียด เปรียบเสมือนเล่นโดยมนุษย์ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Partner Robot ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มาก ขนาด (สูง X กว้าง X ยาว) 1,522 มม. X 761 มม. X ยาว 497 มม. น้ำหนัก 56 กิโลกรัม

Whee
สุด ยอดยานพาหนะส่วนบุคคลแบบพกพา ใช้พลังงานไฟฟ้า มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีน้ำหนักเบา ออกแบบตามสัดส่วนร่างกายมนุษย์ ควบคุมการขับขี่โดยการยืนและถ่ายเทน้ำหนัก ใช้งานง่าย และสามารถพับเก็บให้มีขนาดเท่ากับกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก สะดวกต่อการพกพาขึ้นรถโดยสารสาธารณะ มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

รุ่น S ควบคุมการทำงานโดยอาศัยการเคลื่อนไหวจากจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย ทำให้สองมือเคลื่อนไหวอย่างอิสระ

รุ่น M ควบคุมการทำงานด้วยศูนย์ถ่วงร่างกายและหัวเข่า

รุ่น L มีด้ามจับยาวในการควบคุมการทำงาน สามารถขับขี่ได้อย่างง่ายดาย

3. Prius C
รถ ต้นแบบของรถยนต์ไฮบริดขนาดกะทัดรัด ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการส่งต่อความสุขของการเป็นเจ้าของรถยนต์ Hybrid ให้ผู้คนจำนวนมากได้สัมผัสประสิทธิภาพอันโดดเด่นด้านประหยัดพลังงาน ความสะดวกสบายในการใช้งาน และความสนุกสนานในยนตรกรรมแห่งอนาคตของ Toyota ในโมเดล Concept Car-Prius C

โซน ที่ 3 การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่ยั่งยืนในอนาคตกับ Toyota (Sustainable Future Living With Toyota) สัมผัสรูปแบบการใช้ชีวิตและการเชื่อมต่อของเทคโนโลยีในโลกอนาคต ที่มีระบบการจัดสรรการใช้พลังงานสำหรับการดำเนินชีวิต เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าจากการใช้พลังงานมากที่สุด

1. Smart Grid ระบบโครงข่ายพลังงานอัจฉริยะ ที่จัดสรรการนำพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากแสงอาทิตย์และลม มาใช้รวมกับพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้า โดยเฉลี่ยการใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาของวัน เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak Load) ซึ่งเป็นการนำพลังงานมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อภาพรวมของประเทศ

2. Prius Plug – in รถยนต์ Hybrid ที่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟฟ้าได้ มาพร้อมกับระบบแบตเตอรี่ Hybrid ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้รถสามารถวิ่งได้ระยะทางมากขึ้น ในโหมดที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (EV mode) นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเวลาในการชาร์จไฟ เพื่อที่จะชาร์จไฟในช่วงเวลาที่มีค่าการใช้ไฟฟ้าต่ำ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยเฉลี่ยการใช้ไฟฟ้าของประเทศ

3.3 D Theatre จำลองบรรยากาศของโลกอนาคตแบบ 3 มิติ ให้ความรู้สึกเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในโลกอนาคตที่มีการนำระบบ Smart Grid มาใช้ร่วมกับรถยนต์ Prius Plug-in และระบบ Toyota Smart G Book (โตโยต้า สมาร์ท จีบุ๊ค) ที่ใช้เทคโนโลยี เทเลเมทิกส์ในการสื่อสารและรับส่งข้อมูลต่างๆ อาทิ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การค้นหาสถานที่ต่างๆ หรือสภาพการจราจร โดยสามารถควบคุมได้อย่างสะดวกสบายผ่านสมาร์ทโฟน ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงการจัดสรรการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เชิญพบกับ…นวัตกรรมสุดล้ำแห่งยุคที่ Toyota Pavilion ในงาน BOI Fair 2011 ตั้งแต่วันที่ 5 – 20 มกราคม 2555 บริเวณริมทะเลสาบ เมืองทองธานี.

Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom