วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

ลองขับ : มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต รู้จักแล้วจะรักเกือบทั้งคัน!!!

ลองขับกันยาวๆ กับ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต เอสยูวีขับ2 ที่มาพร้อมเครื่อง 2.5 เทอร์โบ 178 แรงม้า กับช่วงล่างที่หนึบแน่นและอัตรากินน้ำมันที่ 9-10กิโล/ลิตร
โดย พิสันต์ อิทธิวัฒนกุล
Posttoday

ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้จับจองเป็นเจ้าของปาเจโร่ สปอร์ต รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ 2.5 วีจี เทอร์โบ ที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสในช่วงที่มีมิตซูบิชิพาไปลองของจริงกันถึงเข้าค้อ แต่หลังจากเคลียร์คิวกันสักระยะ ก็ได้มาลองกันแบบยาวๆ เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักให้ทั้งคัน
ปาเจโร่ สปอร์ต รุ่นปัจจุบันปรับโฉมที่มาพร้อมกับไทรทันรุ่นปรับโฉม และแน่นอนว่ามากับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่มาแทนเครื่อง 3.2 ลิตรไปพร้อมกัน โดยเครื่องยนต์ 3.2 ลิตรตัวเดิม แม้จะขึ้นชื่อเรื่องพละกำลัง แต่ก็หนักเอาเรื่องสำหรับอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน
ตอนที่ลองขับเครื่องยนต์ใหม่ในไทรทัน เคยบอกเอาไว้ว่าเครื่องยนต์ 178 แรงม้าที่ติดตั้งมาในเครื่องใหม่นั้นให้กำลังแรงเอาเรื่อง กดเรียกกำลังมาแบบเอาเรื่อง เมื่อมาติดตั้งในรถที่ใหญ่กว่า หนักกว่า อุปกรณ์ครบครันกว่า ต้องพิสูจน์ว่าจะยังเอาเรื่องอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า
มาดูสเปกของเครื่องยนต์กันอีกรอบ เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ดีไอ-ดี ไฮเปอร์คอมมอนเรล 4 สูบ 16 วาล์ว มาพร้อมวีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พร้อมท่อร่วมไอดี ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที สูงสุดในบรรดาเครื่องยนต์ระดับเดียวกัน ซึ่งในรุ่นเกียร์อัตโนมัติมาพร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800–3,500 รอบต่อนาที
ก็ต้องยอมรับครับว่าเมื่อเปลี่ยนมาติดตั้งในรถที่น้ำหนักเฉี่ยวๆ 2 ตัน ทำให้อาการของรถดูเหมือนว่าจะอืดไปสักเล็กน้อย โดยเฉพาะการวิ่งที่รอบต่ำ หรือในช่วงของจังหวะออกตัว
อย่างที่จั่วหัวไว้ครับ ขอแค่ทำความรู้จักกับรถคันนี้ให้ถ่องแท้ คุณก็จะพบว่าการลากรอบเครื่องไปให้ถึง 1,800-2,000 รอบต่อนาที จะเปลี่ยนแปลงบุคลิกของรถไปอย่างมาก อาการอืดที่ว่าเหมือนจะโดนสลัดทิ้งออกไปในทันทีทันใด และก็กลับมาเป็นรถที่ใช้เวลาแค่ชั่วอึดใจเดียวลากผ่านหลัก 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปได้ไม่ยาก และถ้ายังมั่นใจกับการควบคุมรถของตัวเองอยู่ความเร็วระดับ 170-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นสิ่งที่หาได้จากเอสยูวีคันเบ้อเริ่มเทิ่มคันนี้
แม้จะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อ แต่ช่วงล่างของปาเจโร่ สปอร์ต ให้ความรู้สึกมั่นคงและไว้วางใจได้ แม้ในช่วงความเร็วสูงมากจะออกอาการส่ายเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่เหนือกว่าการควบคุม พวงมาลัยวงเลี้ยวแคบเพียง 5.6 เมตร ช่วยให้การเดินทางในเมืองเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย กลับรถก็ไม่ไปกินเลนชาวบ้านให้โดนมองเหล่ด้วยหางตา
อุปกรณ์ภายในมีมาให้อย่างเต็มที่ ทั้งเครื่องเล่นซีดี/ดีวีดี/เอ็มพี 3 พร้อมจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ยังยืนยันว่าไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนที่ซื้อรถมาขับใหม่ๆ สักเท่าไรนักเหมือนเดิม เบาะนั่งแถว 2 ล็อกตำแหน่งไม่สามารถขยับมาด้านหน้าได้ ขณะที่เบาะที่นั่งแถว 3 ดูตั้งชันและคับแคบไปสักเล็กน้อย นั่งนานๆ แม้จะเป็นสาวๆ ก็อาจจะบ่นได้เหมือนกัน
อัตราสิ้นเปลืองของเครื่องวีจี เทอร์โบ เมื่อมาแบกน้ำหนักของปาเจโร่ สปอร์ต และฝีมือการขับขี่แบบตามใจฉัน คิดจะเฉื่อยก็เฉื่อย คิดจะรีบก็รีบ เมื่อถึงกำหนดเวลาเอาไปคืน คำนวณทุกอย่างแล้วจบตัวเลขที่ระดับ 9-10 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าน่าประทับใจ เมื่อคิดว่าการสิ้นเปลืองระดับนี้ แลกกับสมรรถนะและความสะดวกสบายต่างๆ นานา
สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 1.142 ล้านบาท สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และบวกเพิ่มอีก 1.5 หมื่นบาท หากต้องการสีพิเศษอย่างสีขาวมุก ที่กำลังฮอตฮิตกันทั่วเมือง ราคาห่างจากรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ราคาพุ่งไปสุดที่ 1.3 ล้านกว่าบาทพอสมควร ซึ่งในชีวิตจริงกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้ออย่างจริงจังคงมีอยู่ไม่มากเท่าไร
บอกแล้วไงว่าขอแค่มีเวลาทำความรู้จัก แล้วจะรักเกือบทั้งคัน...จริงๆ นะครับ!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น