วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Ford Ranger 2012 กระบะไฮเทค

Pic_221782
ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่และผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองใหญ่เริ่มหันมานิยมใช้รถกระบะกันมาก ขึ้นไม่ว่าจะเป็นการใช้ลุยงานหนักในสภาพเส้นทางที่รถเก๋งไม่สามารถฝ่าไปได้ เช่น พื้นที่น้ำท่วม บริษัท Ford นำเสนอนวัตกรรมใหม่ของรถ Pickup - New Ford Ranger 2012 กระบะไฮเทครุ่นล่าสุด...


เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ใช้ยานพาหนะชาวไทยโดยเฉพาะในต่างจังหวัดนิยมใช้รถกระบะกันมาก โดยเฉพาะการใช้งานในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากรถกระบะเป็นพาหนะแบบอเนกประสงค์ที่ทั้งทนทานและใช้งานได้สะดวก ทว่า ในปัจจุบัน คนรุ่นใหม่และผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่เริ่มหันมานิยมใช้รถกระบะกันมาก ขึ้นไม่ว่าจะเป็นการใช้ลุยงานหนักในสภาพเส้นทางที่รถเก๋งไม่สามารถฝ่าไปได้ เช่น พื้นที่น้ำท่วม พื้นที่ป่าเขาหรือเพื่อเดินทางท่องเที่ยวไปพักผ่อนกับครอบครัวในช่วงวันหยุด ทั้งนี้ เป็นเพราะดีไซน์และประโยชน์ใช้สอยของรถกระบะเริ่มเป็นที่ถูกอกถูกใจ ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่และคนในเมืองได้ตรงจุดมากขึ้น


นอก จากนี้รถกระบะในปัจจุบัน ยังมีพัฒนาการที่น่าสนใจทั้งด้านความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารและอุปกรณ์ เทคโนโลยีอันทันสมัย เพราะในแต่ละวัน ผู้ขับขี่รถที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ต้องใช้เวลาอยู่บนท้องถนนต่อเนื่องกัน นานหลายชั่วโมงผู้ผลิตรถกระที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอย่างฟอร์ดจึงได้ริเริ่ม พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อนำมาติดตั้งในรถกระบะสำหรับคนรุ่นใหม่เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกได้ถึง ความสะดวกสบายและความปลอดภัยตลอดการขับขี่


เทคโนโลยี ล่าสุดของรถกระบะที่ Ford นำเสนอ ได้แก่ 2 นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่วิศวกรของ Ford พัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับ Ford Ranger 2012 รถกระบะสายพันธุ์แกร่งที่พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงปลายปีนี้โดย เทคโนโลยีดังกล่าวนับว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านความล้ำสมัยให้กับตลาด รถกระบะของไทยเลยทีเดียว








ระบบกล้องมองภาพด้านหลัง (
Rear ViewCamera System) นวัตกรรมระบบกล้องมองภาพด้านหลัง ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ เมื่อต้องถอยหลังเข้าจอดในพื้นที่แคบๆ โดยเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง นวัตกรรมระบบกล้องมองภาพด้านหลังของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่จะแสดงภาพเคลื่อนไหวบนกระจกมองหลังพร้อมมีเส้นบอกตำแหน่งความกว้างของรถ และระยะห่างจากวัตถุที่อยู่ใกล้ที่สุดระบบเซ็นเซอร์ถอยหลังทำงานโดยใช้คลื่น วิทยุ และจะส่งเสียงเตือนด้วยความถี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรถขยับเข้าใกล้กับวัตถุด้านหลังหน้าจอแสดงผลภายในรถจะแสดงภาพของตัวรถ โดยมีสัญลักษณ์ของเซ็นเซอร์ที่บ่งบอกระยะห่างจากวัตถุด้านหลัง และเมื่อตรวจพบวัตถุแล้ว หน้าจอแสดงผลจะมีแถบสัญญาณเตือนปรากฏขึ้นด้านหลังภาพของรถเพื่อบอกให้ผู้ขับ ขี่ทราบตำแหน่งคร่าวๆ ของวัตถุดังกล่าว







ระบบควบคุมการสั่งการด้วยเสียง (Voice Control) ปุ่ม ควบคุมระบบสั่งการด้วยเสียงของ Ford Ranger ติดตั้งอยู่บนพวงมาลัย ส่วนระบบตรวจจับการสั่งการด้วยเสียงนั้นได้รับการติดตั้งอยู่ภายในห้อง โดยสารผู้ขับขี่จึงสามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย โดยไม่ต้องละสายตาออกจากถนนหรือละมือจากพวงมาลัย เมื่อต้องการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ขณะขับรถหากต้องการใช้งานโทรศัพท์ ผู้ขับขี่สามารถโทรออกและรับสายหรือตรวจสอบหมายเลขจากรายชื่อในบันทึกของ โทรศัพท์และประวัติการโทรออกได้ด้วยระบบการสั่งการด้วยเสียงนอกจากนี้ ระบบยังสามารถจดจำการบันทึกเสียงหมายเลขที่โทรบ่อยๆ ได้ ในขณะที่การใช้งานอุปกรณ์อื่นๆ ภายในรถ ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายเช่นกัน ไม่ว่าจะฟังวิทยุ เปิดเครื่องเล่น CD / I-pod หรือเรียกใช้งานอุปกรณ์อื่นๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับ USB ผู้ขับขี่ยังสามารถสั่งให้เครื่องเสียงของรถเล่นเพลงจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยตรงหรือ audio streaming (ออดิโอ สตรีมมิ่ง) ได้ด้วย



ระบบ เสียงทั้งหมดของ Ford Ranger 2012 ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญและสร้างความโดดเด่นให้กับแผงควบคุมอุปกรณ์ของรถ ได้รับการออกแบบให้รวมระบบเครื่องเสียงแต่ละส่วนเข้าไว้ในอุปกรณ์เพียงชิ้น เดียวได้อย่างกลมกลืน นอกจากความสวยงามลงตัวแล้ว ดีไซน์ของ Ford Ranger ที่รวบรวมอุปกรณ์หลักๆ เข้าด้วยกันเป็นชิ้นเดียวยังช่วยป้องกันการถูกโจรกรรม แบบถอดแยกชิ้นส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยสำหรับจุดเชื่อมต่อระหว่าง ผู้ใช้งานกับรถ หรือที่ Ford เรียกว่า Human Machine Interface ซึ่งหมายถึงบริเวณตรงกลางคอนโซลยังได้รับการออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจาก อุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย โดยมีจอยสติ๊กติดตั้งอยู่ตรงกลางทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมการทำงาน และมีปุ่มตัวเลขที่ให้สัมผัสนุ่มสบาย ขณะที่ Ford Ranger ใหม่ บางรุ่น มีตัวอักษรบนแป้นกดเหล่านี้ ช่วยให้ใช้งานง่ายคล้ายกับการส่งข้อความสั้น (SMS) จากโทรศัพท์เคลื่อนที่



นอก เหนือจากสองเทคโนโลยีเด่นที่คนไทยจะได้มีโอกาสใช้จากรถกระบะแล้ว New Ford Ranger ยังมีเทคโนโลยีระบบไฟส่องสว่างเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย เช่น ไฟหน้าที่ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อขับไปในที่ที่มีแสงน้อย ไฟส่องสว่างใต้ท้องรถที่จะสว่างขึ้นทันทีเมื่อล็อกรถเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ให้กับผู้ขับขี่หรือที่เรียกว่า Follow-Me-Home safelights ซึ่งจะส่องสว่างอยู่ราว 1 นาที หลังจากดับเครื่องยนต์ เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางเดินยามค่ำคืนได้ชัดขึ้น นอกจากนี้ยังมีไฟกะพริบที่พร้อมทำงานโดยอัตโนมัติในระหว่างขับขี่ เพื่อเตือนให้รถคันหลังทราบทันทีที่ผู้ขับขี่เหยียบเบรกกะทันหัน.

Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น