วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ลองขับ ฮอนด้า ซีอาร์วี ใหม่


มา แล้วครับ ผลการทดลองขับ ฮอนด้า ซีอาร์วี ใหม่ รถเอสยูวี สุด hot ซึ่งใครหลายคนกำลังจ้องจะเป็นเจ้าของอยู่..ลองมาดูกันว่า ซีอาร์วี ใหม่ เครื่องยนต์  2.4 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ จะแจ่มแจ๋วเพียงใด
นิธิ ท้วมประถม
ฮอนด้า ซีอาร์วี ถือเป็นรถยนต์ประเภทรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ (เอสยูวี) ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในตลาดเมืองไทย และยังไม่มีรถยนต์ยี่ห้อไหนมาแซงหน้าไปได้ มีแต่ฮอนด้าเองที่สะดุดขาตัวเอง จากกรณีการแก้ไขปัญหาเสียงภายในรถไม่ได้จนลามไปถึงเหตุการณ์ทุบรถอันลือลั่น
ทำ ให้ยอดขายฮอนด้า ซีอาร์วี ในช่วงนั้นร่วงกราวจากพิษค้อนไปไม่น้อย แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นถือว่าเป็นบทเรียนของฮอนด้า และค่ายรถยนต์ทั้งหลายที่จะรับมือการแก้ไขปัญหาของลูกค้าในหลายๆ รูปแบบ
ล่าสุด ฮอนด้าก็ได้ฤกษ์เปิดตัว ฮอนด้า ซีอาร์วี โฉมใหม่ ไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากโดนโรคเลื่อนจากฤทธิ์น้องน้ำ ทำให้ต้องเลื่อนเปิดตัวที่เคยวางไว้ว่าจะเปิดตัวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ฮอนด้า ซีอาร์วี ใหม่ นั้นทาง ฮอนด้า หมายมั่นปั้นมือเหลือเกินว่า จะกลับมาผงาดให้ได้ในตลาดรถยนต์เมืองไทยอีกครั้ง และผมก็เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงเหลือเกิน ทั้งจากรูปร่างหน้าตา ขนาดเครื่องยนต์ และราคา ที่ถือว่าได้เปรียบคู่แข่งอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพราะมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร โดยเครื่องยนต์ทั้งสองขนาดนี้สามารถเติมน้ำมัน อี85 ได้เสียด้วย
ครั้งนี้ผมมีโอกาสได้ลองขับเจ้า ฮอนด้า ซีอาร์วี ใหม่ รุ่นท็อป 2.4 EL ซึ่งเป็นรุ่นท็อปของซีอาร์วีใหม่ครับ โดยภายนอกของซีอาร์วีใหม่นั้นดูบึกบึน แต่แฝงไว้ด้วยความสปอร์ตเหมือนกันเรียกได้ว่า ผู้ชายใช้ได้ ผู้หญิงใช้ดี ก็แล้วกัน ผมเองนั้นชอบการออกแบบไฟหน้า HID (รุ่น 2.4 ลิตร) ของซีอาร์วีใหม่ครับ เพราะดูเหมือนเฉี่ยวๆ แต่มีสไตล์ในตัวเองไม่น้อย รวมถึงไฟท้ายที่เป็นแนวตั้งขนานไปกับกระจกหลัง ดูดีไม่น้อยทีเดียวครับ เหมือนๆ กับรถเอสยูวีของยุโรปบางยี่ห้อจริงๆ
ก้าว เข้ามาภายในตัวรถซีอาร์วีใหม่นั้น ต้องบอกได้เลยว่า ดูดีจริงๆ ครับ เรียบหรูดูภูมิฐานไม่น้อยและผมเชื่อว่าน่าจะถูกอกถูกใจ ลูกค้าคนไทยไม่น้อย เรียกว่าแค่เข้ามานั่งเฉยๆ ก็มีความสุขแล้วครับ และยิ่งรถที่ใช้ทดลองขับติดฟิล์มทึบด้วย ยิ่งทำให้บรรยากาศภายในซีอาร์วีใหม่ดูหรูแบบคลาสสิกไปเลย
ทั้ง แผงคอนโซลหน้าที่มีมาตรวัดดูทันสมัย พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชันที่ในรุ่นท็อปมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มปรับโหมดการแสดงผลหน้าจอคอมพิวเตอร์บริเวณคอนโซลหน้า ด้วยว่าจะแสดงข้อมูลอัตราการสิ้นเปลือง ข้อมูลการขับระยะทาง หรือเป็นแค่หน้าปัดนาฬิกา และยังมีปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) อีกด้วย แต่ปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัตินี้มีแต่ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรเท่านั้น
มอง ไปคอนโซลกลางก็พบจอแอลซีดี แบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว เอาไว้แสดงทั้งดีวีดีและระบบนำทาง (เนวิเกเตอร์) กันให้เต็มที่ แต่ก็เหมือนเดิมครับ จอแอลซีดี เครื่องเล่นดีวีดี และเนวิเกเตอร์ มีแต่รุ่น 2.4 ลิตรเท่านั้นครับ ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร นั้นมีแต่เครื่องเสียงธรรมดาเท่านั้น
ก้าว เข้ามานั่งในห้องโดยสาร ปรับเบาะนั่งแบบไฟฟ้าที่เลื่อนไปมาได้อย่างนุ่มนวล จนได้ตำแหน่งที่เหมาะสม กดปุ่มสตาร์ตกันเลย เดี๋ยวนี้ปุ่มสตาร์ตกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานกันไปเสียแล้ว เมื่อพูดถึงปุ่มสตาร์ต ก็อดพูดถึงกุญแจรถของซีอาร์วีใหม่ไม่ได้ แม้ว่าจะไม่ต้องเอาออกมาไขสตาร์ต แต่ขนาดของกุญแจก็ใหญ่โตเหลือเกิน เฮ้อ...ดูเชยชะมัด
สตา ร์ทแล้ว ยังต้องเงี่ยหูฟังครับว่า มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นหรือเปล่า เพราะเครื่องยนต์ซีอาร์วีครางเบาๆ เท่านั้น แสดงให้เห็นถึงการเก็บเสียงที่ดีขึ้นมาก เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
ลอง กันเลยดีกว่าครับ เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว IVTEC ที่มีม้าอยู่ 170 ตัว ซึ่งจะออกมาวิ่งกันเต็มที่ในรอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดที่ 22.4 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 4,300 รอบต่อนาที นั้นจะเป็นอย่างไร
เปลี่ยน เกียร์จาก P มาเป็น D ลองกดคันเร่งเบาๆ ก่อนดีกว่า เพราะช่วงแรกยังคงอยู่ในเมืองการจราจรหนาแน่นพอควร โอ้ว โอ้ว...การออกตัวทันใจดีครับ ไม่อืดอาด เหมือนกำลังขับรถขนาดใหญ่อยู่เลย ถือว่าการออกตัวทำได้ดีทีเดียว
ลอง ขับด้วยความเร็วต้นๆ ระดับประมาณ 40-60 กม./ชม. แล้วลองกดคันเร่ง เพื่อหาจังหวะมุดซ้ายมุดขวา เอ๊ะ เอ๊ะ เริ่มต้องรอรอบให้เห็นเหมือนกัน แตะคันเร่งแล้วยังไม่มาต้องรอรอบเครื่องยนต์อีกสักนิดรถถึงจะกระชากออกไป

เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร
ส่วน การขับด้วยความเร็วสูงระดับ 100 กม./ชม.ขึ้นไป ผมไม่ค่อยประทับใจครับ เพราะรู้สึกว่าอัตราเร่งจะไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากระบบขับเคลื่อนที่เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มาเป็นตัวหน่วงอัตราเร่งไปได้มากพอควร เรียกว่า ซิ่งไม่มันเท่าไหร่ครับ
แต่ หากขับไปแบบเนียนๆ ปล่อยให้ความเร็วไหลขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ไปเค้นอะไรเครื่องยนต์มากมายนัก ผมว่าซีอาร์วีตอบสนองได้ดีมากทีเดียว ตั้งแต่เสียงรบกวนที่มีเข้ามาน้อยมาก จะมีก็แต่เสียงยางขนาดขอบ 18 นิ้ว ที่ดังเข้ามาพอควร ส่วนการทรงตัวที่นิ่งดีจริงๆ โดยเฉพาะทางตรงยาวๆ นี่นั่งสบายมากเลยครับ ระบบกันสะเทือนก็ทำงานออกมาเป็นรถยนต์นั่งเลยคือ นุ่มนวล ไม่กระด้างเหมือนรุ่นก่อน
ด้าน ความแม่นของพวงมาลัย ผมชอบรุ่นเก่ามากกว่า เพราะรุ่นเก่าให้ความรู้สึกแม่นยำกว่า เข้าโค้งได้คมกว่า ในขณะที่ซีอาร์วีใหม่นี้พวงมาลัยไม่คมเท่า แต่ก็แลกกับการที่ขับสบายขึ้น โดยเฉพาะการขับในเมืองที่พวงมาลัยเบาๆ กลายเป็นเสน่ห์ของรถไปเสียแล้ว สาวๆ ชอบจริงๆ

Eco assist
อ้อ...ลืม ไปซีอาร์วีใหม่นี้ มีระบบ Econ ให้ด้วยนะครับ ซึ่งระบบนี้จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น หากอยากประหยัดก็กดปุ่มสีเขียวๆ ที่อยู่ด้านขวาของคอนโซลหน้าได้เลย ระบบนี้จะทำหน้าที่ควบคุมรอบเครื่องยนต์ไม่ให้จัดจ้านมากนัก นั่นหมายความว่าอัตราเร่งจะตื้อๆ รวมถึงระบบนี้จะปรับระบบแอร์ไม่ให้เย็นฉ่ำจนเกินไป ซึ่งผมก็ใช้ครับ ไม่มีปัญหาขับในเมืองเรื่อยๆ ใช้ระบบนี้ช่วย อัตราสิ้นเปลืองก็ 8.6 กม./ลิตร แต่หากขับไกลๆ ก็ 10.6 กม./ลิตร
หรือ ถ้าไม่อยากใช้ระบบ Econ ให้รำคาญ ก็ใช้ตัวช่วยอย่างตัว Coaching ซึ่งรถฮอนด้ารุ่นหลังๆ จะติดตัวช่วยนี้มาให้ที่มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ โดยจะแสดงวงแหวนสีต่างๆ สัมพันธ์กับอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ถ้าเหยียบคันเร่งเรียบๆ วงแหวนสีเขียวจะเรืองขึ้นมา แต่หากเร่งเครื่องสีเขียวจะกลายเป็นสีแดง ซึ่งผมชอบนะครับ ส่วนหนึ่งทำให้มาตรวัดมีสีสันดี แต่อีกส่วนหนึ่งถือว่าเป็นการเตือนลักษณะการขับรถของเราไปในตัว
ที่ น่าสนใจอีกอย่างแบบลืมไม่ได้คือ พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังของ ซีอาร์วี ใหม่ นั้นใหญ่มากครับ เหมาะกับครอบครัวที่สัมภาระเยอะๆ แถมในซีอาร์วีใหม่ นี้ยังมีระบบพับเบาะหลังให้แบนราบไปลงไปเพียงแค่ดึงก้านบังคับที่อยู่บริเวณ ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังเบาๆ ก็พับได้แล้ว สะดวกมากครับ ไม่ต้องไปดึงเบาะปรับลงให้เหนื่อยเหมือนรุ่นก่อนๆ แล้ว ชอบครับ ชอบ
ภาพรวมแล้วผมชอบนะครับ กับซีอาร์วีใหม่ แต่ไม่ค่อยชอบเรื่องอัตราการสิ้นเปลือง ผมว่าถ้าอยู่ระดับประมาณ 12-13 กม./ลิตรได้ จะดีมาก
จุด เด่นอีกอย่างของซีอาร์วีใหม่คือ พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่สามารถพับเบาะแถว 2 ให้แบนราบได้ง่ายๆ แค่ดึงคันบังคับบริเวณที่เก็บของด้านหลัง เบาะนั่งแถว 2 จะถูกพับอัตโนมัติแบนราบทันที ซึ่งเจ๋งมากๆ ครับ สุดยอดชอบมากเลยผม
กับ ค่าตัว 1,524,000 บาท รุ่นท็อป หากถอดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อออกค่าตัวเหลือ 1,444,000 บาท ลองคำนวณดูครับ ว่าจะเลือกตัวไหน แต่ที่แน่ๆ ผมชอบอ่ะ ถ้ามีตังค์เติมน้ำมัน!!

แอร์หลัง

กล้อง และจอมองหลัง

http://www.roddb.com/images/banners/RodDB_88x31.gif

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น