วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

โตโยต้า พรีอุส สุดยอดยนตรกรรมไฮบริด ระดับ World Class

โตโยต้า พรีอุส สุดยอดยนตรกรรมไฮบริด ระดับ World Class


ลองขับโตโยต้าพรี อุส ไฮบริดรักษ์โลก ที่คลอดจากโรงงานในประเทศไทย คุ้มค่าตัว 1.26ล้านบาทหรือไม่? เชิญติดตาม....  
โดย...พิสันต์ อิทธิวัฒนกุล
ปล่อยให้เวลาผ่านไปร่วม 1 ไตรมาส ในที่สุดก็มีโอกาสได้ลองขับเจเนอเรชันที่ 3 ของโตโยต้า พรีอุส เจ้าของตำแหน่งรถยนต์ไฮบริดที่ขายดีที่สุดในโลกกับเขาเสียที หลังจากที่เคยมีประสบการณ์กันมาแล้วก่อนหน้านี้ในช่วงเจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งเป็นการนำเข้าโดยผู้นำเข้าอิสระ
แต่กับคันใหม่ล่าสุดที่ทำการทดสอบนี้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ตัดสินใจเอาใจลูกค้าชอบของไฮเทคกันเต็มที่ ด้วยการเพิ่มไลน์ประกอบรถยนต์รุ่นนี้ที่โรงงานเกตเวย์ จ.ระยอง พร้อมทั้งทำราคาขายระดับล้านต้นๆ ปิดทางที่เกรย์จะนำเข้ามาแข่งได้แบบเต็มตัว
เจเนอเรชันที่ 3 ของพรีอุสมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย หน้าตาได้รับการออกแบบให้ดูเพรียว ปราดเปรียวมากขึ้น บนตัวทรงรูปทรงไม่คุ้นตา ที่มองยังไงก็ยังแปลกๆ อยู่ กับตัวถังหน้ากดหลังทื่อ ที่คนชอบก็ชอบเลย คนไม่ชอบก็คงไม่ชอบเลยเหมือนกัน
ภายนอกเสริมทุกอย่างที่ทำให้รถคันนี้ ดูไฮเทคที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในรุ่นท็อปที่นำมาทดลองติดมาให้ทั้งไฟหน้าแบบแอลอีดี ที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้า ระบบเปิด-ปิดประตูอัตโนมัติ ที่ติดตั้งมาทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เสริมความเท่ด้วยไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้างและสปอยเลอร์หลัง
เปิด ประตูเข้า มาในรถอย่าได้แปลกใจกับความหรูหราที่มากันพร้อมหน้า เบาะหนังที่กระชับรับสรีระในการขับขี่ ที่มีระบบอุ่นเบาะมาให้ใช้ในวันที่อากาศเย็น เครื่องเล่นวิทยุซีดีเชนเจอร์ 6 แผ่น แต่ระบบปรับเบาะยังใช้ระบบอัตโนมืออยู่ สวนทางกับหน้าจอบนแผงคอนโซลที่ดูทันสมัยด้วยระบบไฟฟ้าครบทุกจุด สวยสมกับที่เป็นรถยนต์แห่งโลกอนาคต

From Car2hot
ลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ทำให้รถคันนี้ดูน่าใช้ขึ้นมาก ระบบที่ผมชอบที่สุดก็คือ ตัวปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยที่หากเราเอานิ้วมือไปแตะเบาๆ ตรงแผงคอนโซลด้านหน้า ก็จะแสดงผลในรูปแบบของแป้นดิจิตอลให้เห็นว่าเรากำลังสั่งงานที่ปุ่มไหนอยู่ ดูดีไม่หยอก
ทัศนวิสัยในแบบของพรีอุสกลับมาสู่ความ รู้สึกอีกครั้ง เสาเอที่ค่อนข้างเอียงทำให้ดูเหมือนหน้ารถยาวยื่นออกมามากขึ้น ในขณะที่คานประตูด้านท้ายก็ดูใหญ่และเกะกะลูกกะตาเวลาขับรถเสียเหลือเกิน ต้องใช้เวลาสักพักล่ะครับ กว่าจะเข้าที่เข้าทาง แถมพอมองกลับมาในตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางอุปกรณ์รอบที่นั่ง หรือข้อมูลละลานตาบนแผงคอนโซล ก็ดูเหมือนจะทำให้ห้องโดยสารดูรุงรังไปเล็กน้อย
การเปลี่ยนแปลงหลักของรุ่นนี้อยู่ที่ ตัวเครื่องยนต์ที่ตัดสินใจลบคำสบ ประมาทในเรื่องสมรรถนะแบบเดิมๆ ทิ้ง แล้วหันมาคบกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร แบบแอดคินสัน ไซเคิล รหัส 2แซดอาร์-เอฟเอ็กซ์อี แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว โดยตัวเครื่องอย่างเดียวให้กำลัง 99 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที และให้แรงบิด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้ กำลังถึง 82 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 207 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่องซีวีทีที่สั่งงานด้วยไฟฟ้า หากให้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานกันอย่างเต็มที่ จะสามารถให้กำลังสูงสุดในการขับขี่มากถึง 136 แรงม้า
อ่านสเปกแบบนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าไม่น่าจะแรงเพียงพอ แต่ขอบอกว่า 136 แรงม้า นี้สามารถกระชากตัวรถให้ควบออกไปได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร การทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์สอดคล้องกันอย่างมาก และให้กำลังเพียงพอต่อการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยที่เครื่องยนต์จะทำการชาร์จไฟกลับไปเมื่อมีการเบรกรถ และปล่อยออกมาช่วยกำลังของเครื่องยนต์เมื่อต้องการรีดกำลัง
เรื่องสมรรถนะของตัวรถไม่ใช่ปัญหาครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังเครื่องยนต์ที่ลากความเร็วได้อย่างต่อเนื่องไป ถึง 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้แบบไหลลื่น และเริ่มชะลอผ่านหลัก 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไปแบบเอื่อยๆ ช่วงล่างรับไหวแบบไม่ต้องห่วงครับ นิ่งและไม่แกว่งไกวให้หวือหวา แต่ก็ห้ามละสมาธิในการควบคุมลงไป
ปัญหาของการขับขี่ที่ความเร็วสูงที่ เจอก็คงเป็นเรื่องของเสียงลมปะทะหน้า รถที่ดังมาก และดังต่อเนื่องเข้ามาในรถอย่างรุนแรง ตอนที่ขับอยู่ผมเองปิดวิทยุแล้วลองทำความเร็วฟังเสียงลมกันดูใหม่ พบว่าตั้งแต่ความเร็วเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป ถือเป็นช่วงรับเสียงเต็มๆ เปิดวิทยุดังก็มีเสียงลมแทรกตลอด ซึ่งอาจจะบอกว่ารถแบบนี้ไม่ได้เอาไว้ขับเร็วก็ได้ครับ ถ้าขับที่ความเร็วต่ำถึงปานกลาง เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา
ค่าตัว 1.26 ล้านบาท เพื่อแลกกับรถยนต์ฟูลไฮบริดที่ประกอบในประเทศไทย ถามว่าคุ้มหรือไม่กับการซื้อรถยนต์ที่นั่งไม่สบายเหมือนคัมรี่ จะขับเต็มที่ก็เจอเสียงลม แถมอัตราการสิ้นเปลืองเมื่อใช้งานจริงวัดตามไมล์ดิจิตอลของผมอยู่ที่ประมาณ 15-16 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งในความเป็นจริงก็คงสิ้นเปลืองกว่านี้แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ก็แลกกับการได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มี ส่วนร่วมอนุรักษ์โลกใบน้อยๆ นี้เอาไว้ แถมยังได้รถที่ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่จับต้องได้ในวงกว้างของโลกยานยนต์ ในปัจจุบัน ขับประหยัดก็ได้ ขับด้วยไฟฟ้าก็ได้ ถ้าต้องการซิ่งไปทำธุระก็ไม่แพ้ใครอย่างแน่นอน ด้วยเครื่องยนต์และช่วงล่างที่พัฒนามาอย่างลงตัว
ลองเปรียบเทียบความต้องการ จุดดี จุดด้อยเหล่านี้ดู แต่ส่วนตัวแล้ว ถ้ามีโอกาสอยากเห็นพรีอุสจอดอยู่ในโรงรถบ้านตัวเองสักคันเหมือนกัน!!!

 
From Car2hot

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น