วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ชาวไร่ไฮโซ MINI COUNTRYMAN COOPER D (ตอนที่2)


ตอนที่ สองของการขับขี่ทดสอบ MINI Cooper D Crossover 5 ประตู บนระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร... ภาย ในที่แปลกแยกของ Countryman Cooper D แตกต่างจากรถทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
มาตร วัดความเร็วที่ใหญ่โตราวกับกะละมัง ได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะลอก เลียนแบบ ความกล้าหาญของงานดีไซน์จาก BMW Group ส่งผลให้มันมีห้องโดยสารที่สามารถสร้างบรรยากาศของการขับขี่ที่ไม่ซ้ำกับรถ อื่น รถทดสอบคันนี้จะอยู่กับผมอีกห้าวันในการใช้ขับทางไกลเพื่อค้นหาสมรรถนะ และประสิทธิภาพของการประหยัดเชื้ิอเพลิงที่วิศวกรของMINI เคลมว่ามันวิ่งได้ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 19 กิโลเมตรต่อลิตรจากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอลเรลขนาด 2.0 ลิตร แม้จะไม่ใช่รุ่นสูงสุดอย่าง Countryman Cooper SD A44 และขับเคลื่อนเพียงล้อคู่หน้าแต่มันคือยนตรกรรมที่โดดเด่นมากด้านรูปทรง และความอเนกประสงค์ของการใช้งานโดยรวม แต่ต้องตัดเรื่องราคาค่าตัวออกไปเสียก่อน
การ แยกแยะรถ MINI ในแต่ละรุ่นสำหรับผู้คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการรถยนต์เป็นเรื่องที่จำได้ยากมาก มันคือรถเล็กที่มีให้เลือกมากมายหลายแบบตั้งแต่รุ่นปกติ 3 ประตู รุ่นหลังคาสั้นที่มีท้ายสั้นกุดและหลังคาทรงเด็กใส่หมวกกลับด้านโดยเอาปีก หมวกไว้ด้านหลังหรือ Coupe รุ่นเปิดประทุน Roadster รุ่นที่มีท้ายยาวกว่าปกติที่เรียกกันว่า Club Man และรุ่น Crossover ที่มีให้เลือกทั้ง 5 ประตูขับเคลื่อนสองหรือสี่ล้อแบบคันทดสอบหรือ Countryman กับ Pace Man ที่เพิ่งออกขายและมีประตูลดลงเหลือเพียงสามทั้งๆ ที่มันก็คือร่างทรงของ Countryman นั่นเอง ผมขับใช้งานในเมืองอยู่เพียงแค่วันเดียวในระยะทางสั้นๆ มิติตัวถังที่โตขึ้นในทุกสัดส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นปกติ ทำให้มันเป็นจุดสนใจของผู้คนบนถนนได้ดี สัดส่วนของความสูงแบบ Crossover ยังทำให้การมองเห็นกว้างไกลมากขึ้น กระจกบานใหญ่ด้านหน้าเปิดโล่งมุมมองคล้ายๆ กับ CRV จากระดับความสูงที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่รถทั้งสองคันมีการตกแต่งภายใน เครื่องยนต์ ชุดส่งกำลังและสภาพการขับขี่ที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
แม้ จะตัวสูงโย่งแต่คุณภาพของการขับที่เน้นความสนุกและอารมณ์แบบวัยรุ่นยังคง อยู่ครบ มันให้ความรู้สึกของการควบคุมที่ใส่สัมผัสของ MINI เอาไว้อย่างชัดเจน ขนาดของตัวถังที่โตขึ้นเพื่อเอาอกเอาใจสุภาพสตรีนักขนของที่นิยมรถคันโต แต่ต้องทำตัวน่ารักทำให้มันมีมุมมองที่ก้ำกึ่งพอสมควร มันไม่ใช่รถที่ดูดีทั้งคัน แต่มีส่วนผสมที่ลงตัวใช้ได้จากงานออกแบบ ผมขับมันบนถนนในกรุงเทพมหานครด้วยความรื่นเริงจากระบบรองรับที่ทำให้รู้สึก สบายตัวมากกว่ารุ่นเล็กที่กระด้างสุดๆ การทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลแม้จะมีเสียงดังไปบ้างแต่แรงบิดรอบต่ำในช่วง ออกตัวนั้นขอบอกว่ายอดเยี่ยมสำหรับเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าเพียง 112 ตัว ที่รอบเครื่องยนต์ 1,700-2,400 รอบต่อนาที หากคุณกดคันเร่งเร็วๆ แรงบิดที่ทะลักออกมาดูเหมือนจะล้นเกินไปด้วยซ้ำ มันสามารถพุ่งทะยานจากจุดออกตัวแล้วไต่ระดับความเร็วได้อย่างน่าพึงพอใจ แถมยังประหยัดด้วยการวิ่งที่ย่านความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยใช้รอบเครื่องไม่ถึง 2,000 รอบต่อนาที สิ่งที่แย่คือเสียงของเครื่องยนต์และเสียงยางที่ดังลอดเข้ามาในห้องโดยสาร มากจนเกินไปเมื่อความเร็วเริ่มสูงขึ้น แก้ได้ด้วยการเปิดเพลงกลบมันไปเสียเลย แม้แต่เสียงเดินเบ


อ่านต่อ >>


http://www.roddb.com/images/banners/RodDB_88x31.gif

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น