เครื่อง ยนต์ของ 911 รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อคันนี้มีขนาด 3.4 ลิตรและ 3.8 ลิตร และเพื่อเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้ล้ำไปอีกขั้น เครื่องยนต์ boxer คันนี้จึงติดตั้งระบบหมุนเวียนไฟฟ้าหรือ electrical system recuperation และระบบการจัดการความร้อน coolant thermal management การจัดการระบบหมุนเวียนไฟฟ้า มีการทำงานคือ แบตเตอรี่จะถูกชาร์จเพิ่มขึ้น เมื่อมีการเบรกหรือผ่อนคันเร่ง (coasting) และเมื่อแบตเตอรี่เต็มแล้ว ไดชาร์จก็จะลดการชาร์จลง ส่งผลให้เครื่องยนต์มีโหลดน้อยลง (โหลดจะเกิดจากการที่เครื่องยนต์ต้องทำการส่งแรงไปหมุนไดชาร์จ) ซึ่งแปลว่าเมื่อทำการเร่งเครื่องกะทันหัน ระบบนี้ก็จะลดการชาร์จลง ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ขณะเดียวกัน ระบบการจัดการความร้อนอัจฉริยะ coolant thermal management จะสั่งการเปิดปิด วาล์วควบคุมอุณหภูมิของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังให้อยู่ในอุณหภูมิการทำงานที่เหมาะสม อย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสึกหรอที่อาจเกิดขึ้นในช่วงแรกของการสตาร์ต เครื่องยนต์ ทั้งยังไม่ส่งผลเสียให้กับเครื่องยนต์ในขณะเครื่องยนต์ร้อน หรือ full-load operation อีกด้วย Coasting คือฟังก์ชั่นการทำงานของรถที่จะเรียกใช้พลังงานของเครื่องยนต์เมื่อต้องการ จริงๆ ได้ถูกนำมาติดตั้งใน 911 ใหม่ที่ติดตั้งระบบเกียร์ PDK ด้วยเช่นกัน ระบบ Coasting จะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้นเพราะรถจะใช้พลังงานจลสำหรับช่วง ที่จำเป็นเมื่อวิ่งอยู่บนท้องถนน ผลลัพธ์ที่ได้คือการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่า 1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และเหมาะสมกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันอีกด้วย ระบบ Coasting จะทำการปล่อยคันเร่งอย่างช้าๆ หรือทำการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ขณะที่อยู่ในเกียร์ที่สูงสำหรับการขับขี่ที่ เลือกอีก ระบบ Coasting นี้จะหยุดการทำงานโดยการเร่งเครื่องยนต์ เบรก หรือทำการเปลี่ยนเกียร์ด้วยมือ
Sound Symposer เพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่จากเสียง
911 Carrera เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดไม่เพียงแค่ทำให้ผู้ขับขี่สุนทรีย์ไปกับการขับขี่แบบ สปอร์ตที่มากยิ่งขึ้น หากแต่เสียงของรถยังมีความไพเราะและเพิ่มความสุนทรีย์ให้ผู้ขับขี่มากยิ่ง ขึ้นอีกด้วย Sound Symposer ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับทุกรุ่น ระบบนี้จะสร้างเสียงเร่งของเครื่องยนต์ให้เห็นถึงความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ให้เข้าสู่ห้องโดยสาร ซึ่งทำงานด้วยการควบคุมการทำงานโดยการใช้ปุ่มสปอร์ต (sport button) ระบบ Sound Symposer ถือได้ว่าเป็นระบบแบบ passive system และไม่ได้สร้างเสียงให้กับเครื่องยนต์หากแต่เป็นการผลักดันให้เสียงของ เครื่องยนต์แบบ boxer นั้นเปล่งเสียงออกมาโดยตรงผ่านเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของตัวรถเพียงแค่กด ปุ่ม ช่องทางของเสียงอคูสติกที่ไพเราะนี้มาจากการสั่นสะเทือนของท่อระหว่างวาล์ว ปีกผีเสื้อ (throttle valve) และตัวกรองอากาศ (air filter) ช่องของเสียงอคูสติกจะถูกรวมเข้าไว้กับเยื่อบุผิวที่ทำการส่งสัญญาณเข้าสู่ ภายในห้องโดยสารในส่วนของที่เก็บของตรงกระจกด้านหลัง วาล์วที่สามารถควบคุมได้ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าของเยื่อบุผิวจะทำให้ระบบ Sound Symposer นั้นเปิดและปิดการทำงานโดยการกดปุ่มสปอร์ตเมื่อผู้ขับขี่ต้องการ
ระบบท่อไอเสียสปอร์ตสร้างพละกำลังและความสุนทรีย์ในการขับขี่ให้มากขึ้น
ระบบ ท่อไอเสียสปอร์ต (Sports exhaust system) เป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถเลือกติดตั้งกับรุ่น 911 Carrera แบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เป็นครั้งแรกที่ระบบนี้จะไม่เป็นเพียงทางผ่านสำหรับก๊าซไอเสียโดยการกดปุ่ม เท่านั้น แต่ระบบนี้จะทำการเชื่อมต่อการทำงานของทั้ง 2 ท่อไอเสียที่ติดตั้งอยู่ ด้วยระบบการทำงานเช่นนี้เองที่ทำให้ระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต (Sports exhaust system) สามารถผลิตเสียงของเครื่องยนต์ 6 สูบได้อย่างเต็มพิกัดมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือเสียงของเครื่องยนต์ที่ไพเราะแสดงให้เห็นถึงพละกำลังที่ เหนือชั้น และเพื่อสร้างความแตกต่างและความโดดเด่นของระบบท่อไอเสียสปอร์ตจึงมาในรูป แบบปลายท่อคู่สองคู่ในรูปแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
ระบบส่งกำลัง 7 จังหวะ
อีก หนึ่งกลยุทธ์หลักของ Porsche ในการสร้างประสิทธิภาพและสมรรถนะของเครื่องยนต์ คือการพัฒนาระบบส่งผ่านกำลังทั้ง 2 ระบบให้มีความเป็นสปอร์ต พร้อมด้วยการประหยัดนำมันเชื้อเพลิง รวมไปถึงอัตราการคงระดับเกียร์ให้ได้นานที่สุด ระบบทั้ง 2 นี้คือระบบเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะที่มีใน Porsche เป็นแบรนด์แรก และระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ Porsche Doppelkupplungsgetriebe (PDK) ที่มีอัตราทดเกียร์ 7 จังหวะ ผู้ขับขี่ที่เลือกใช้ระบบเกียร์ธรรมดาในรถ 911 Carrera จะสามารถประหยัดนำมันเชื้อเพลิงได้เหมือนกับรถที่ติดระบบเกียร์ PDK ด้วยเช่นกัน รอบเครื่องยนต์จะลดต่ำลงถึง 19% เมื่ออยู่ในความเร็วที่เท่ากัน ส่งผลให้รถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 10% ลักษณะเด่นของระบบส่งผ่านกำลังแบบเกียร์ธรรมดาคือการล็อก shift gate ของเกียร์ 7 เพื่อป้องกันผู้ขับขี่ในการเปลี่ยนเกียร์เข้าสู่ระดับเกียร์ 7 จากเกียร์ที่ 4 และ 5 ที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วระหว่างการขับขี่แบบสปอร์ต
Porsche ได้ทำการเตรียมพร้อมในการพัฒนา 911 Carrera ขับเคลื่อนสี่ล้อเจเนอเรชั่นใหม่ โดยการปรับให้ตัวถังรองรับการขับเคลื่อนทางล้อหน้าให้มากขึ้น คำตอบว่าทำไมรถใหญ่ขึ้นหากเทียบกับเวอร์ชั่นขับเคลื่อนล้อหลัง ทางด้านหลัง รถมีความกว้างมากขึ้นโดยในรุ่น 911 Carrera 4 จะมีขนาดที่กว้างขึ้น 42 มม. และในรุ่น 911 Carrera 4S จะกว้างขึ้น 36 มม. ซึ่งการขยายให้กว้างขึ้นของขนาดรถนี้จะทำงานร่วมกับระบบ PTM all-wheel drive และทำให้รถมีสมรรถนะในการรักษาเสถียรภาพของรถในยามเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ได้ดี ฐานล้อของ 911 ใหม่จะยาวกว่ารุ่นเดิม 100 มม. ส่งผลให้รถสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีเสถียรภาพแม้ขณะใช้ความเร็วสูง อีกหนึ่งระบบที่ช่วยให้รถมีประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่ดีคือระบบการจัดการ ช่วงล่าง Porsche Active Suspension Management (PASM), ระบบ dynamic engine mounts, ระบบควบคุมความคล่องตัวของตัวถัง Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC), ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า electro-mechanical power steering, ระบบกระจายแรงบิด Porsche Torque Vectoring (PTV) รวมไปถึงระบบเบรกที่ทรงประสิทธิภาพ ร่วมด้วยยางและล้อที่มีคุณภาพ
ตัวถังแบบสปอร์ตที่มาพร้อมกับ PASM (PASM Sport Chassis)
ตัว ถังแบบสปอร์ตที่มาพร้อมกับ PASM (PASM Sport Chassis) ที่สามารถปรับเปลี่ยนความสูงให้ต่ำลงได้ถึง 20 มม.พร้อมกับแพ็กเกจอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic package) สามารถเลือกติดตั้งได้ใน 911 Carrera 4 การออกแบบของลิ้นสปอยเลอร์ด้านหน้าช่วยเพิ่มในเรื่องของอากาศพลศาสตร์ สปอยเลอร์หลังสามารถขยายได้มากขึ้นไปอีกหากเปรียบเทียบกับรุ่นที่ไม่ได้ติด ตั้งตัวถังสปอร์ตมาด้วย ผลลัพธ์ที่ได้คือ ความสมดุลทางอากาศพลศาสตร์ที่มากขึ้น แรงยกที่น้อยลงทางด้านเพลาหน้า เพิ่มแรงกดทางด้านเพลาหลังมากขึ้น และการยกของรถถือได้ว่าเป็นศูนย์ทำให้ 911 Carrera 4 กับ PASM sport chassisสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูง พร้อมทั้งยังควบคุมทิศทางบนพื้นถนนได้ดี ตอบสนองต่อการควบคุมพวงมาลัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า (Electro-mechanical power steering) 911 Carrera เจเนอเรชั่นใหม่ติดตั้งระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้าหรือ electro-mechanical power steering เป็นครั้งแรกสำหรับ Porsche ระะบบนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานและความแม่นยำ จุดเด่นของระบบนี้หากเปรียบเทียบกับระบบพวงมาลัยแบบไฮดรอลิกแล้วจะพบว่าช่วย ในการประหยัดนำมันเชื้อเพลิงได้อย่างน้อย 0.1 ลิตรต่อ 100 กม.การตอบสนองที่แม่นยำนี้จะถูกส่งถึงผู้ขับขี่ผ่านพวงมาลัย ถึงแม้จะอยู่ในความเร็วต่ำ พวงมาลัยจะทำการจัดตำแหน่งตัวเองให้อยู่ในระดับตรงโดยอัตโนมัติ เมื่อทำการเบรกบนพื้นผิวถนนที่มีระดับไม่เท่ากัน พวงมาลัยจะทำการจัดตำแหน่งในทิศทางที่ต้องการ และทำให้ง่ายต่อผู้ขับขี่ที่จะรักษาเสถียรภาพของรถและรักษาตำแหน่งของรถใน ช่องทางที่ต้องการได้ เพื่อสร้างความสะดวกสบายต่อการเคลื่อนที่ของรถเมื่อต้องอยู่ในความเร็วที่ ต่ำกว่า 50 กม./ชม.
ระบบการกระจายแรงบิด Porsche Torque Vectoring
911 Carrera 4S ได้รับการติดตั้งระบบการกระจายแรงบิดไปยังแต่ละล้อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพใน การเข้าโค้งด้วยระบบ Porsche Torque Vectoring (PTV)เป็นมาตรฐานให้กับรถ เพื่อสร้างความคล่องตัวในการใช้งาน สำหรับรุ่น 911 Carrera 4 สามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริม ระบบจะมีให้เลือกติดตั้งถึง 2 เวอร์ชั่นคือ PTV เวอร์ชั่นที่มาพร้อมกับ Mechanical differential lock หากติดตั้งกับระบบเกียร์ธรรมดา และหากติดตั้งกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ PDK ระบบ PTV จะติดตั้งมาในเวอร์ชั่น PTV Plus ที่มีการควบคุมโดยไฟฟ้า และมีระบบเฟืองท้ายแบบ variable differential lock เต็มรูปแบบ ระบบ PTV/PTV Plus รองรับขณะเข้าโค้ง ล้อหลังด้านในจะได้รับการเบรกเมื่อเริ่มหมุนพวงมาลัยนั่นเอง แรงบิดของการขับเคลื่อนล้อหลังด้านนอกจะมากกว่าล้อด้านใน และด้วยแรงบิดที่แตกต่างนี้เองทำให้รถเกิดการหันเหและช่วยในเรื่องของการ หมุนพวงมาลัย ผลลัพธ์ที่ได้คือการทรงตัวที่ดีการควบคุมพวงมาลัยที่มีความแม่นยำ
ปุ่มสปอร์ตเข้าสู่แพ็กเกจ Sport Chrono package
911Carrera ได้รับการติดตั้งปุ่มสปอร์ตมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ ระบบนี้จะทำให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกการตั้งค่าระหว่างการเพิ่มความสะดวกสบาย หรือการประหยัดนำมันเชื้อเพลิง หรือเลือกตั้งค่าให้มีความสปอร์ต ด้วยการติดตั้งแพ็กเกจ Sport Chrono Package พร้อมด้วยปุ่มสปอร์ต พลัสทำให้รถสามารถตั้งค่าการขับขี่แบบสปอร์ตได้มากขึ้นควบคู่ไปกับความสะดวก สบายในการขับขี่ในชีวิตประจำวันแพ็กเกจ Sport Chrono Package ยังมีคุณสมบัติที่ติดตั้งเข้ากับเครื่องยนต์หรือ dynamic engine mounts หากเปิดการทำงานของปุ่ม Sport Plus ระบบการรักษาเสถียรภาพรถอย่าง PSM จะเข้าไปช่วยการทำงานของทั้งระบบเกียร์ธรรมดาและระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK เพื่อความคล่องตัวและว่องไวในการขับขี่มากยิ่งขึ้น อุปกรณ์เสริมเลือกติดตั้งอย่างระบบช่วงล่าง PASM ระบบ PTV Plus ระบบควบคุมตัวถัง PDCC และระบบ dynamic engine mounts ที่เปลี่ยนเข้าสู่โหมดสปอร์ตจะทำให้ช่วงล่างและตัวถังเกิดการตั้งค่าในรูป แบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น แป้นคันเร่งที่มีลักษณะโค้งได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกันเพื่อการตอบสนอง ได้โดยตรง ระบบ auto start/stop และ coasting functions จะหยุดการทำงาน ระบบเสียงของเครื่องยนต์อย่าง Sound Symposer และระบบท่อไอเสียอย่าง sports exhaust system ที่เป็นอุปกรณ์เสริมเลือกติดตั้งนั้นจะเปิดการใช้งานด้วยเช่นเดียวกัน ระบบไฟเพื่อความคล่องตัวอย่าง Porsche Dynamic Light System มีการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้น
Sport Chrono package เปลี่ยนเกียร์ลงด้วย double declutching
Sport Chrono package มีทั้งนาฬิกาจับเวลาในรูปแบบอนาล็อกและดิจิตอล คุณลักษณะที่โดดเด่นของ Sport Chrono package ที่เป็นอุปกรณ์เสริมสามารถเลือกติดตั้งได้คือ การขยายการ double declutch แบบอัตโนมัติระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ลงในโหมดสปอร์ตพลัสให้กับรถที่ติดตั้ง เกียร์ธรรมดาอีกด้วย ด้วยการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วนี้เองที่จะทำให้ปรับเปลี่ยนความเร็วของ เครื่องยนต์สู่ระดับเกียร์ที่ต่ำกว่า และทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้พละกำลังของเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้น หรือ สามารถเบรกได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับระบบเกียร์ PDK ฟังก์ชั่นอื่นได้ถูกเสริมเพิ่มเข้าไป อาทิ ระบบควบคุมการออกตัว (Launch Control) ที่ช่วยให้รถเร่งเครื่องขณะออกตัวเมื่อกดปุ่มสปอร์ต พลัส และทำให้อัตราเร่งเครื่องจาก 0–100 กม./ชม. นั้นลดลงถึง 0.2 วินาที ปุ่มสปอร์ต พลัส ยังเปิดการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK ในรูปแบบ “Race course” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วขึ้นเพื่อการเร่งเครื่องที่รวดเร็วและ เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
Porsche Dynamic Chassis Control
อีก หนึ่งระบบที่ทำให้สมรรถนะของรถ 911 Carrera 4S เจเนอเรชั่นใหม่นี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นเก่าคือระบบควบคุมตัวถัง เพื่อการขับเคลื่อนอย่าง Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) เป็นอุปกรณ์เสริม เมื่อรถอยู่ในลักษณะที่ลาดเอียงทางด้านข้าง อาทิ เมื่อเข้าโค้ง เมื่อเลี้ยว หรือเปลี่ยนช่องทางขับขี่ในขณะความเร็วสูง ระบบ PDCC จะทำงานโดยช่วยสนับสนุนให้อัตราเร่งของด้านข้างนั้นสูงมากที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ เพราะการลดองศาการโคลงของรถ ทำให้ยางรถอยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับพื้นผิวถนนและสามารถส่งผ่านกำลังด้าน ข้างได้สูงขึ้น จากการเพิ่มความสามารถในการเร่งความเร็วในขณะเข้าโค้งคือความสามารถของรถที่ เปรียบเสมือนวิ่งบนสนามแข่งขัน ระบบนี้ยังทำให้พวงมาลัยนั้นตอบสนองได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำในการเลี้ยว การควบคุมการทำงานของตัวถังด้วยระบบอัจฉริยะ PDCC ช่วยให้เกิดการควบคุมอุปกรณ์การทำงานไฮดรอลิก (hydraulic actuators) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่ ระบบนี้จะส่งผลดีต่อการบังคับพวงมาลัยด้วยตัวเองและยังพัฒนาเสถียรภาพของรถ นวัตกรรมการใช้ตัวรถที่มีน้ำหนักเบาได้ถูกนำมาใช้ในรถ 911 Carrera ใหม่ล่าสุดเกือบทุกรุ่น เพื่อการขับขี่ที่ดีไม่ว่าจะเป็นรุ่นคูเป้และเปิดประทุน และยังถูกนำมาใช้ทั้ง 911 แบบระบบขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ทุกรุ่นล้วนได้ประโยชน์จากการใช้โครงสร้างจากเหล็กอลูมิเนียมที่มีน้ำหนัก เบา รวมไปถึงหลังคาประทุนของ 911 ที่ทำจากวัสดุนำหนักเบา แนวคิดที่อยู่เบื้องหลังของการออกแบบโดยใช้วัสดุที่ถูกต้องและใช้กับชิ้น ส่วนอย่างถูกที่ถูกทาง ถึงแม้การออกแบบจะทำให้รถต้องขยายสัดส่วนให้ใหญ่ขึ้น แต่โดยรวมแล้วกับมีน้ำหนักที่เบาลงหากเทียบกับรุ่นเดิม โดย 911 ใหม่ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนี้จะมีน้ำหนักที่น้อยกว่ารุ่นเดิม ถึง 65 กิโลกรัม
เมื่อ หลังคาปิดอยู่ ภายใต้พื้นผิวของหลังคาผ้าใบนั้นมีวัสดุที่ใช้เป็นฉนวนซ่อนอยู่ ส่วน Panel bows ทำจากแมกนีเซียมและมีขอบหลังคาที่กลมกลืนกับภายในห้องโดยสาร แผงทางด้านข้างได้รับการปิดด้วยลายผ้าใบ ซึ่งทำให้ไม่เห็นชิ้นส่วนกลไกเมื่อหลังคาเปิดอยู่ ช่องว่างของศีรษะมีสัดส่วนเหมือนกับภายในห้องโดยสารของรุ่นคูเป้ นวัตกรรมที่โดดเด่นของ 911 เปิดประทุนคันนี้คือ การเสริมแผงกันลมแบบไฟฟ้าเข้าไป ซึ่งจะควบคุมโดยไฟฟ้า ไม่จำเป็นต้องใช้มือเปิด–ปิด อีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น