วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เบนซ์สปอร์ต2รุ่นใหม่"เหยียบสนุก-ราคาเร้าใจ"



จากผล สำรวจในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ สำรวจกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ พบว่า เจ้าของรถยนต์กว่า 90% ชอบร้องเพลงในรถ 84% มีความรู้สึกหลงใหลต่อรถยนต์ของตนเอง 50%
เคยจูบกับคนรักในรถยนต์ 27% เคยมีกิจกรรมพิเศษกับคนรักในรถ และ 10% ได้รับการตอบตกลงในการหมั้นในรถยนต์
ตัว เลขจากผลวิจัยที่บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยกขึ้นมาข้างต้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันไม่ใช่แค่การ ซื้อรถยนต์เพื่อการเดินทางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถือได้ว่าเป็นสถานที่หนึ่งในการสร้างความประทับใจได้เช่นกัน
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จึงได้เสริมทัพผลิตภัณฑ์เข้ามาอีก 2 รุ่น ในตระกูล E-Class คือ The new E-Class Coupe รถยนต์สปอร์ตคูเป้ และ The new E-Class Cabriolet รถยนต์สปอร์ตเปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่ง ที่เปิดตัวได้ฮือฮาไม่น้อยด้วยราคาที่ค่อนข้างเร้าใจอยู่ที่ 3.79 ล้านบาท ในรุ่น E-Class Coupe และ 3.99 ล้านบาท ในรุ่น The new E-Class Cabriolet โดยใช้การลดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออกไป อาทิ เบาะนั่งอุ่นร้อน ระบบควบคุมการวิ่งบนหิมะ และอื่นๆ ส่งผลให้ราคาลดลงไปได้กว่า 7 แสนบาท จนกระทั่งสามารถเปิดราคาได้อย่างน่าสนใจ



เมอร์ เซเดส-เบนซ์ จึงเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 รุ่น จะช่วยสร้างยอดขาย (Volume) ได้จากราคาที่เร้าใจรวมไปถึงความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่โดนใจจากรูปลักษณ์ได้ เป็นอย่างดี ด้วยความโดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอก กระจังหน้าและโคมไฟที่รวมการทำงานของไฟ LED ต่างๆ ไว้ในกรอบเดียว พร้อมเทคโนโลยีแบบ Fibre-Optic ทำให้ไฟคู่หน้ามีลักษณะแบบ “สี่ตา” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ E-Class อีกทั้งกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยโครเมี่ยม และการให้เส้นสายรอบคันที่ให้ความปราดเปรียวในอารมณ์ความเป็นสปอร์ต มาพร้อมกับชุดแต่งสปอร์ต AMG ในแบบจัดเต็ม

ขณะ ที่การตกแต่งภายในห้องโดยสารสอดคล้องกับอารมณ์ความเป็นสปอร์ตเช่น เดียวกันกับภายนอก โดยการใช้วัสดุคุณภาพสูงให้ความหรูหรามีระดับ รวมถึงเบาะหนังแบบสปอร์ต โดยเฉพาะในรุ่น The new E-Class Cabriolet ที่มีจุดเด่นในเรื่องการลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารที่เกิดขึ้นจากกระแสลม ด้วยแผงบังคับทิศทางลม (Air Cap) และแผงกั้นลม (Draught-Stop) ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งแบบเปิดประทุน
ด้าน สมรรถนะและเครื่องยนต์ทั้งคู่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินใหม่แบบ Blue DIRECT แถวเรียง 4 สูบ ซึ่งนำเทคโนโลยีหัวฉีด Piezo ที่สามารถฉีดเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในเครื่องยนต์ V6 และ V8 รุ่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่นำมาใช้กับเครื่องยนต์ 4 สูบเป็นครั้งแรก โดยทั้ง 2 รุ่น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ต่ำสุดที่ 7.8 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 240 กม./ชม. ขณะที่มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 18 กม.ต่อลิตร ซึ่งทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด



สำหรับ ระบบความปลอดภัยของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นที่เลื่องชื่อแบบ “จัดเต็ม” อยู่แล้ว อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP) เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 4 ที่นั่ง ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration Skid Control) ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้ง หมดที่อยู่ในเมอร์เซเดส-เบนซ์ ใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้ ที่น่าจะตอบโจทย์และตรงใจสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้บริหารหนุ่มรวมถึงเหล่าเจ้า ของกิจการทั้งหลายทั้งชายและหญิง ที่ชื่นชอบรถยนต์หรูสไตล์สปอร์ตได้เป็นอย่างที่
ขณะ ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอง ก็หวังว่ารถยนต์ทั้ง 2 รุ่นน่าจะช่วยเพิ่มอัตราการทำกิจกรรมหลายๆ อย่างตามตัวเลขของผลวิจัยข้างต้นให้เพิ่มขึ้นได้ไม่มากก็น้อย







http://www.roddb.com/images/banners/RodDB_88x31.gif

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น