วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

LEXUS LFA รถที่แพงที่สุดของญี่ปุ่น (ตอนที่1)


552 แรงม้า 0-100 ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคา 53 ล้านบาทและมีเพียงแค่ 500 คันเท่านั้น นี่คือ LFA ซุปเปอร์คาร์สุดแพงของ Lexus...

ถึงแม้ มันจะเป็นแค่รถยนต์จากญี่ปุ่น แต่ Lexus LFA ประกาศความเป็นตัวตนด้วยการท้าทายรถซุปเปอร์คาร์จากฝั่งยุโรปทุกรุ่นทุกคัน ที่มีความจุเครื่องยนต์เท่ากัน ด้วยความสดใหม่และเทคนิคล้ำยุคจากทีมแข่ง F1ของ Toyota กับราคาที่แพงมหาศาลทะลุเพดานรถยนตร์จากแดนปลาดิบทุกคันที่ว่าแพงแสนแพง โดยโครงการออกแบบและผลิตรถสปอร์ตสมถรรนะสูงของค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota เริ่มขึ้นในปี 2005 หลังจากนั้นก็เริ่มปรากฏโฉมของ Concept Sport Car ในปี 2007 เพื่อแสดงให้เห็นว่า Toyota ตั้งใจที่จะผลิตมันออกขายอย่างจริงจัง ตามมาด้วยรถ Concept Roadster ที่นำออกโชว์ในงาน Tokyo Motor Show 2008 ประธานบริษัท Akio Toyoda ซึ่งก้าวเข้ามารับบทบาท CEO ของ Toyota เป็นบุคคลที่มีส่วนในการทำให้โครงการผลิตรถซุปเปอร์คาร์คันแรกของ Toyota เป็นจริงขึ้นมา Akio มีลักษณะคล้ายกับ Enzo Ferrari และ Ferdinand Piech คือหลงไหลในกีฬา Motor-Sport และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการส่งทีมแข่งของ Lexus โดยใช้รถต้นแบบ LFA ลงทำการแข่งขันในรายการ Nurburgring การบริหารทีมแข่ง F1 ของ Toyota และอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถทั่วโลกของบริษัท Toyota ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และถึงแม้ทีม Toyota จะถอนตัวจากการแข่งขัน F1 ในปี 2009 ไปแล้วก็ตาม แต่การผลิตยานยนต์ประเภทซุปเปอร์คาร์ให้ดีที่สุดทั้งๆ ที่ Toyota ไม่เคยผลิตรถยนตต์ในลักษณะนั้นมาก่อนหน้านี้ นับว่าเป็นภารกิจที่ Akio Toyoda ต้องเตรียมการและใช้ความมุ่งมั่นตั้งใจจนเกิดผลสำเร็จ โดย LFA ได้ถูกส่งออกขายไปทั่วโลกในจำนวนการผลิตเพียง 500 คัน ด้วยงบลงทุนในโครงการมหาศาลจนอาจยากที่จะมีรถโมเดลใดในค่ายของ Toyota ที่ใช้เงินลงทุนสูงจนเป็นประวัติการณ์เท่ากับโครงการสร้างรถ Lexus LFA เพื่อเข้ามาเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ Lexus ให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้นไป
สาย การผลิตจำนวน 500 คันของ Lexus LFA ใกล้จะครบจำนวนที่ผู้บริหารได้กำหนดไว้แล้ว ที่โรงงาน Miyoshi ของ Toyota - Lexus ในญี่ปุ่น มาตรฐานการผลิตซุปเปอร์คาร์คันแรกของค่ายหัวลูกศรเต็มไปด้วยความละเอียด ประณีต จากอะลูมิเนียมเหลวในขั้นตอนการหล่อบล็อกเครื่องยนต์แบบ V10 ส่วนที่ีเป็นแม่พิมพ์แบบสามมิติทรายถูกทาเอาไว้ด้วยเรซิน บล็อกเครื่องยนต์ทำจากทราย 37 ส่วน ใช้เวลาและขั้นตอนต่างๆ สำหรับการขึ้นรูปนานประมาณ 1 อาทิตย์ เมื่อบล็อกเครื่องยนต์ทั้งหมดถูกประกอบเข้าด้วยกัน แม่พิมพ์หล่อบล็อกเครื่องยนต์จะถูกเทลงไปด้วยอัลลอยหลอมเหลวอุณหภูมิ 750 องศาเซลเซียส สิ่งปนเปื้อนต่างๆ จะถูกตักออกมาในขั้นตอนของการหล่อบล็อกเครื่องยนต์ โลหะอัลลอยหลอมเหลวจะไหลลงไปตามแม่พิมพ์ ขณะเดียวกัน ตัวดูดสุญญากาศจะทำการดูดสิ่งที่ปนเปื้อนออกมาทั้งหมด สองชั่วโมงหลังจากอัลลอยเหลวเย็นตัวลง แม่พิมพ์ที่เป็นทรายจะถูกแกะออกมาและเผยให้เห็นบล็อกเครื่องยนต์ที่อยู่ด้าน ใน หลังจากนั้น บล็อกเครื่องยนต์ดังกล่าวจะถูกส่งไปที่แผนกผลิตเครื่องยนต์ของรถสูตรหนึ่ง ของ Toyota ซึ่งเป็นแผนกที่มีความลับระดับสูงสุดของบริษัท
พื้นที่ ในส่วนประกอบเครื่องยนต์ของ LFA เป็นเขตหวงห้ามที่ไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาเยี่ยมชมแต่อย่างใดทั้งสิ้น เป็นเวลากว่า 1 ทศวรรษมาแล้วที่ Toyota พยายามทุ่มเทให้กับการแข่งรถสูตรหนึ่ง แต่เมื่อไปประสบความสำเร็จเท่าที่ควร Toyota Motorsport GmbH หรือ TMG จึงถอนตัวออกมาในปี 2009 จนโรงงานไฮเทคแห่งนี้ไม่มีงานทำ สำหรับทีมช่างของ LFA แล้ว เป็นโอกาสอันดีที่วิศวกรและช่างเครื่องยนต์ของ Toyota-Lexus จะได้กลับมาสำแดงฝีมือในการผลิตเครื่องยนต์กำลังสูงอีกครั้ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์รถสูตรหนึ่งของ Toyota จึงมีความเหมาะสมมากในการประกอบเครื่องยนต์ V10 ของ Lexus LFA บล็อกเครื่องยนต์ที่เพิ่งจะผ่านกระบวนการผลิตด้วยการหล่อจะถูกขัดแล้วเจาะรู ตามแบบด้วยเครื่องขัดเจาะซึ่งผ่านการคำนวณอันแม่นยำของคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเสร็จออกมาเป็นบล็อกเครื่องที่ถูกต้องตามแบบ หลังจากนั้นหุ่นยนต์จะส่งบล็อกเครื่องให้กับมนุษย์ ในห้องที่ถูกปิดผลึกไว้เป็นอย่างดี ช่างเครื่องจะใช้เครื่องมือลบส่วนที่มีความแหลมคมที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการ หล่อออกไปจนหมด เป็นการใช้เครื่องมือขัดที่มีความแม่นยำสูง หลังจากนั้นมันจะถูกประกอบขึ้นเป็นบล็อกเครื่องยนต์เพื่อตรวจดูว่า ชิ้นส่วนและรูที่ทำการเจาะทั้งหมดเข้ากันได้ตามแบบหรือไม่ บล็อกเครื่องและส่วนที่เป็นน็อตยึดจะถูกประกบเข้ากันเป็นครั้งแรก เมื่อถูกถอดอีกครั้ง เครื่องยนต์จะถูกนำไปยังโรงงาน Iwata City ของ Yamaha ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ห่างออกไป 90 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโรงงาน Toyota

ห้อง ผลิตเครื่องยนต์ใน Evata City ของ Yamaha มีความเข้มงวดสูงมากสำหรับขั้นตอนในการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ห้องเหล่านี้มีการป้องกันฝุ่นละอองอย่างสูงสุดเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีสิ่ง แปลกปลอมใดๆ หลุดรอดเข้าไปในห้องอย่างเด็ดขาด ห้องประกอบเครื่องยนต์ของ LFA ยังถูกควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้อยู่ในระดับที่กำหนด เพื่อรับประกันการขยายตัวของโลหะจากความร้อนให้มีค่าตามที่กำหนด ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ 2,200 ชิ้น ถูกแบ่งออกเป็น 61 ชุดเพื่อประกอบตามหมายเลข วิศวกรที่มีทักษะสูง 4 คน แต่ละคนรับผิดชอบเครื่องยนต์ 1 ตัวที่จะประกอบชิ้นส่วนตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนแล้วเสร็จ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดช่างเครื่องเหล่านี้ต้องทำตามคำสั่งบนหน้าจอ ควบคุมอย่างเคร่งครัด เครื่องยนต์ของ LFA แต่ละตัวจะใช้เวลาประกอบนานประมาณ 3 วัน เครื่ิองยนต์ที่ถูกประกอบด้วยมือจึงเป็นผลงานชิ้นเอกของช่างเครื่องแต่ละคน ที่ลงมือประกอบ และก่อนที่จะถูกวางลงในห้องเครื่องของ LFA เครื่องยนต์จะถูกทดสอบอย่างหนักในห้องทดสอบที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องประกอบ เครื่องยนต์ในโรงงาน Yamaha Iwata Cityเครื่องยนต์ขนาด 4.8 ลิตร V10 สูบตัวนี้ มีการออกแบบให้ตอบสนองต่อการเร่งความเร็วในทุกระดับ มันใช้เวลาเพียงครึ่งวินาทีในการพุ่งทะยานไปถึง 9,000 รอบ หมายรวมถึงการเร่งความเร็วแบบกะทันหันไม่ว่าผู้ขับขี่จะอยู่ในเกียร์อะไร ก็ตาม


เครื่อง ยนต์ V10 ของLFA มีการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมตามแบบอย่างของซุปเปอร์คาร์ที่ดี มันมีความเร็วรอบที่มากกว่าเครื่องยนต์ทั่วๆ ไป เวลาในการตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรวัดแบบดิจิตอลในการวัดรอบเครื่องยนต์ที่กวาดไปมา อย่างรวดเร็วตามระดับของการกดคันเร่ง หากใช้มาตรวัดแบบเข็มซึ่งเป็ํนมาตรวัดแบบเก่า รอบเครื่องยนต์ที่เร็วมากของ LFA จึงไม่สามารถใช้ระบบการวัดแบบเก่าได้ เสียงความถี่สูงอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องแบบ V10 หายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ ถูกปรับแต่งในแผนกพิเศษของ Yamaha เพื่อที่จะสร้างเสียงของเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ ค่าย Lexus ต้องพึ่งพาความเชี่ยวชาญของช่างปรับแต่งเสียงจาก Yamaha บริษัทแห่งนี้มีความเชี่ยวชาญระดับแนวหน้าในการผลิตฝาสูบ รถจักรยานยนต์พลังสูง เครื่องยนต์ของรถแข่งและเครื่องดนตรี ทางด้านการปรับแต่งเสียงแล้ว Yamaha คือผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเสียงจริง ความสำคัญระหว่างรถซุปเปอร์คาร์และคนขับเหมือนกับความสัมพันธ์ของนักดนตรี และเครื่องดนตรีที่ใช้เล่น เมื่อนักดนตรีเล่นเพลงออกไป พวกเค้าจะฟังเสียงของเครื่องดนตรีที่ใช้เล่น และใช้เสียงนั้นพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ที่สำคัญก็คือเสียงเครื่องยนต์ของ LFA มีความแตกต่างกันอยู่สองรูปแบบคือ ท่อไอเสียที่จะทำให้คนทั่วไปรู้ว่ากำลังได้ยินอะไร และเสียงจากท่อไอดีที่คนขับจะได้ยินไปตลอดการขับขี่ LFA และเพื่อที่จะให้เสียงทั้งหมดออกมามีความสมบูรณ์แบบอย่างสูงสุด ผู้จัดการทั่วไปของแผนกปรับแต่งเสียงเครื่องยนต์ Maruyama Haji ของ Yamaha Motor ต้องปรับแบบส่วนประกอบของท่อไอดีที่อยู่ด้านบนของเครื่องยนต์ V10 ที่ถูกเรียกว่า Surge Tank Yamaha Sound Engine หลักการทำงานของ Surge Tank คือการส่งอากาศให้มีปริมาณเท่าๆ กันไปยังสูบทั้งสิบของเครื่องยนต์ V10 ใน LFA เสียงทั้งหมดนี้จะเข้าไปลดเสียงของชุดดูดอากาศเข้าท่อร่วมไอดี วิศวกรเสียงของ Yamaha พยายามคิดค้นรูปแบบของเสียงที่มีความแตกต่างกันออกไป อุปกรณ์ Surge Tank เข้ามาช่วยในการขยายเสียงเพื่อที่จะส่งต่อเสียงที่ถูกปรับแต่งแล้วมายังคน ขับโดยตรง


Maruyama Haji ปรับแต่งช่อง Surge Tank ด้วยการปรับพื้นผิวด้านบนทั้งหมด โดยเพิ่มความสั่นสะเทือนที่อยู่ด้านบนของ Surge Tank การทำแบบนี้คล้ายกับการผลิตเครื่องดนตรีที่มีเอกลักษณ์ทางเสียงที่ไม่เหมือน ใคร ทีมวิศวกรของ Yamaha ได้ส่งเสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนกลับไปยังห้องโดยสารด้วยการใช้ช่อง เสียงสองช่อง คลื่นเสียงความถี่ต่ำจะถูกส่งไปยังบริเวณส่วนเท้าของคนขับใกล้กับคันเร่ง ส่วนคลื่นเสียงความถี่สูงจะถูกส่งตรงไปยังหูของคนขับตามลักษณะของการออกแบบ ช่องเสียงใน LFA ผู้ขับขี่จึงกำลังฟังเสียงแบบ Surround Sound ไปตลอดเวลาที่กำลังขับขี่ เครื่องยนต์ที่ปรับแต่งแล้วเสร็จจะถูกยกขึ้นไปวางลงในห้องเครื่อง เพื่อที่จะส่งต่อไปยัง LFA Work ที่นี่ เมื่อชิ้นส่วนของระบบขับเคลื่อนทั้งหมดถูกประกอบเสร็จสิ้นแล้ว มันจะถูกประกอบเข้ากับตัวถังโดยใช้สายตาของมนุษย์ในขั้นตอนของการยึดขันน็อต เมื่อขุมกำลังทั้งหมดเข้าที่ ของเหลวที่ใช้ในการหล่อลื่นเครื่องยนต์เช่น น้ำมันเครื่องและน้ำมันไฮดรอลิกต่างๆ จะถูกท่อปั๊มเข้าไปยังระบบ ปั๊มอัตโนมัติจะฉีดจ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็นลงไปในเครื่องยนต์ เมื่อทุกอย่างถูกเติมลงไปในปริมาณที่ถูกต้องแล้ว แผ่นไฟบอร์กลาสที่ถูกผลิตจากภายในสำหรับใช้ประกอบเป็นตัวถังด้านข้างและบาน ประตู (สาเหตุที่ต้องใช้ไฟเบอร์กลาสเนื่องจากคาร์บอนไฟเบอร์ไม่สามารถทำสีได้ตาม มาตรฐานของ Lexus) วัสดุชนิดนี้ แม้จะมีราคาต่ำกว่าคาร์บอนคอมโพสิตแต่มันมีความแข็งแรงและมีน้ำหนักที่เบา มาก หากรถประสบอุบัติเหตุการซ่อมบำรุงจะมีราคาที่ต่ำกว่าชิ้นงานคาร์บอนไฟเบอร์ มาก

โรง พ่นสี LFA ตั้งอยู่ที่เดียวกันกับโรงงานประกอบ ห้องพ่นสีของ LFA Work มีขั้นตอนส่วนใหญ่ผ่านการทำงานอันละเอียดซับซ้อนของหุ่นยนต์พ่นสี วิศวกรของ Lexus เชื่อว่าการใช้หุ่นยนต์พ่นสีจะมีความสม่ำเสมอมากกว่ามือมนุษย์ แต่มนุษย์ก็ยังคงทำงานร่วมกันกับหุ่นยนต์พ่นสีในการควบคุมดูแล ผุ่นละอองที่เป็นศัตรูอันร้ายกาจของห้องพ่นสีจะถูกกำจัดออกไปทั้งหมดจากห้อง ที่ปิดผลึกอย่างดี หากฝุ่นติดลงไปในพื้นผิวขณะทำการพ่น เมื่อถูกความร้อนในขั้นตอนของการอบ สีจะบวมพองขึ้นมาทันที บรรยากาศภายในโรงพ่นสีของ LFA Work จึงต้องสะอาดอยู่เสมอ พนักงานทุกคนจะถูกทำความสะอาดชุดก่อนเข้าไปทำงาน สีจำนวน 5 ชั้นจะถูกพ่นลงไปบนตัวถังของ LFA และจุดใดที่หัวพ่นของหุ่นยนต์เข้าไปไม่ถึง มนุษย์จะเข้าไปทำงานแทนเพื่อเก็บรายละเอียดทั้งหมดของการพ่นสีให้มีความ สมบูรณ์สูงสุด เมื่อขั้นตอนการพ่นแล้วเสร็จ รถ LFA จะถูกนำเข้าไปยังเตาอบ แล้วอบสีด้วยอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นตัวถังจะถูกยกไปที่แผนกตรวจสอบคุณภาพสี หัวฉีดน้ำจะพ่นละอองน้ำไปในอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้ฝั่นละอองตกลงไปยังเนื้อ สี ผู้ตรวจสอบด้วยแสงจะตรวจหาริ้วรอยต่างๆ หากพบก็จะทำการขัดให้เรียบร้อยอีกครั้ง รถ LFA ที่พ่นสีเสร็จเรียบร้อยจะถูกลากออกไปจากโรงพ่น ไปยังโรงประกอบชิ้นงานส่วนที่ี 3 เพื่อติดตั้งชิ้นส่วนที่เป็นคาร์บอนคอมโพสิตซึ่งเป็นโซนสุดท้าย ภายในของห้องโดยสารพวกคอนโซล เบาะและพรมจะถูกติดตั้งที่นี่ทั้งหมด รวมถึงล้ออัลลอยและยาง Bridgestone RE070 ล้อหน้าขนาด 265/35/ZR 20 95Y และล้อหลังขนาด 305/30/ZR 20 99Y เป็นยางชนิดพิเศษที่ Bridgestone ออกแบบให้กับ Lexus LFA


อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail @thairath.co.th">chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom


http://www.roddb.com/images/banners/RodDB_88x31.gif

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น